คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8091/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีก่อน ส. ฟ้องอธิบดีกรมที่ดินเป็นจำเลยในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 อ้างว่าเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลพบุรีได้ออกโฉนดที่ดินพิพาททับที่ดินที่ ส. เป็นเจ้าของอยู่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาท ต่อมาคู่ความทำ สัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุด ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกและเป็นผู้รับพินัยกรรม ของ ง.และง. เป็นผู้รับพินัยกรรมของ ส.โจทก์จึงเป็นผู้สืบสิทธิของส. จำเลยคดีนี้ก็ถูกโจทก์ฟ้องในฐานะที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 เป็นผู้สืบสิทธิของอธิบดีกรมที่ดินเช่นกัน ถือว่า เป็นคู่ความเดียวกัน การที่โจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่า โฉนดที่ดินออกทับที่ดินของ ส. อีก จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายสุข บรรจงทรัพย์ เป็นเจ้าของที่ดินเนื้อที่ 17 ไร่ 1 งาน 69 ตารางวา ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2ตำบลทะเลชุบศร อำเภอลพบุรี จังหวัดลพบุรี นางศิริ ต้นสกุลโดยนายอำนวย ตันวัฒนะ ได้ขอออกโฉนดที่ดินเลขที่ 15865ทับที่ดินของนายสุขเป็นเนื้อที่ 17 ไร่ 1 งาน 69 ตารางวาต่อมาที่ดินโฉนดเลขที่ 15865 ได้แบ่งแยกเป็น 36 แปลง คือโฉนดที่ดินเลขที่ 15865, 15791 ถึง 15808 และ 15809 ถึง 15825 นางสุขได้ทำพินัยกรรมยกกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 17 ไร่เศษดังกล่าวให้แก่นางสงวน บรรจงทรัพย์ และนางสงวนทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกซึ่งรวมทั้งที่ดินที่ได้รับจากนายสุขให้แก่โจทก์และทายาท เมื่อนางสงวนถึงแก่กรรมโจทก์ได้รับแต่งตั้งจากศาลชั้นต้นให้เป็นผู้จัดการมรดกของนางสงวน โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกมีหนังสือขอให้จำเลยในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 เพิกถอนการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 15865, 15791 ถึง 15808 และ 15809 ถึง 15825 ซึ่งออกทับที่ดินของนายสุข อันเป็นการออกโฉนดที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่จำเลยไม่เพิกถอนขอให้บังคับจำเลยเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 15865, 15791 ถึง 15807 และ 15809 และ 15825
จำเลยให้การว่า นายสุขเคยยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดินกับเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลพบุรีเป็นจำเลยรวมกับจำเลยอื่น อ้างว่าเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลพบุรีได้ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 15865ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ทับที่ดินของนายสุข ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 15865ตามคดีหมายเลขดำที่ 328/2515 ต่อมาคู่ความตกลงกันได้ จึงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมแล้วเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 40/2516 คดีถึงที่สุด โจทก์เป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของนางสงวนซึ่งสืบสิทธิของนายสุขจึงมีความผูกพันตามคดีหมายเลขแดงที่ 40/2516 ของศาลชั้นต้นด้วยเมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 15865และโฉนดที่ดินแบ่งแยกจากโฉนดที่ดินเลขที่ 15865 อ้างว่าออกทับที่ดินของนายสุขอีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 40/2516 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ในคดีหมายเลขแดงที่ 40/2516 ของศาลชั้นต้น นายสุข บรรจงทรัพย์ ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดินเป็นจำเลยที่ 4 ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 อ้างว่า เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลพบุรีได้ออกโฉนดที่ดินพิพาททับที่ดินที่นายสุขเป็นเจ้าของอยู่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาท ต่อมาคู่ความสามารถตกลงกันได้โดยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมว่า นายอำนวย ตันวัฒนะ จำเลยที่ 1นางเปี่ยมศรี ตันวัฒนะ จำเลยที่ 2 และนางศิริ ต้นสกุลจำเลยที่ 2 ยอมให้แก่นายสุขเป็นเงิน 60,000 บาท และยอมโอนที่ดินให้นายสุขเป็นเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน คดีถึงที่สุด ต่อมานายสุขได้ยื่นฟ้องนายอำนวย ตันวัฒนะ กับพวกเป็นจำเลยขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอมในคดีหมายเลขแดงที่ 40/2516ของศาลชั้นต้น คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกามีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2520 ไม่ให้เพิกถอนเพราะนายสุขต้องผูกพันตามคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกและเป็นผู้รับพินัยกรรมของนางสงวน บรรจงทรัพย์และนางสงวนเป็นผู้รับพินัยกรรมของนายสุข โจทก์จึงเป็นผู้สืบสิทธิของนายสุข และผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี จำเลยคดีนี้ก็ถูกโจทก์ฟ้องในฐานะที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตา 11 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2528 ถือได้ว่า จำเลยคดีนี้เป็นผู้สืบสิทธิของอธิบดีกรมที่ดินจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 40/2516ของศาลชั้นต้นเช่นกัน เนื่องจากกฎหมายบัญญัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครแทนอธิบดีกรมที่ดิน ดังนั้น ทั้งโจทก์และจำเลยคดีนี้ต่างก็เป็นผู้สืบสิทธิของคู่ความในคดีหมายเลขแดงที่ 40/2516 ของศาลชั้นต้นจึงถือว่าเป็นคู่ความเดียวกันและต้องผูกพันตามคำพิพากษาตามยอมในคดีหมายเลขแดงที่ 40/2516 ของศาลชั้นต้นดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 เช่นกัน การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินโดยอ้างว่าโฉนดที่ดินพิพาทออกทับที่ดินของนายสุขอีกอันเป็นเหตุอย่างเดียวกัน ซึ่งคำพิพากษาหมายเลขแดงที่ 40/2516 ของศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยแล้ว จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2520 ซึ่งได้พิพากษาให้ยกฟ้องนายสุขโดยไม่ตัดสิทธินายสุขที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่นั้นไม่มีผลผูกพันจำเลยคดีนี้เพราะจำเลยคดีนี้ไม่ได้เป็นจำเลยในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด และคำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างตามฎีกาของโจทก์ ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องนั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share