คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8087/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกันและให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง เมื่อจำเลยเป็นผู้เหมาะสมที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ยิ่งกว่าโจทก์ แม้มิได้ฟ้องแย้ง ศาลก็มีอำนาจชี้ขาดให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์หลังการหย่าได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยอยู่กินฉันสามีภริยากันมาตั้งแต่ปี 2531ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีบุตรด้วยกัน 1 คน ชื่อเด็กหญิงจันทกานต์ปัจจุบันอายุ 6 ปีเศษ ต่อมาปี 2536 โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกันหลังจากนั้นปี 2539 จำเลยเริ่มดื่มสุราหาเรื่องทะเลาะกับโจทก์ไม่กลับบ้านและไม่เลี้ยงดูบุตร และไปอยู่กับชายอื่นฉันสามีภริยาโดยพาบุตรผู้เยาว์ไปด้วย โดยทิ้งร้างโจทก์ถึงปัจจุบันเกินกว่า 1 ปี ทั้งยินยอมให้ชายคนใหม่ล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เยาว์ ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน และให้จำเลยไปจดทะเบียนหย่าให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาแทนจำเลย ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่มีความประพฤติเสียหายดังที่โจทก์ฟ้องแต่โจทก์เป็นฝ่ายทิ้งร้างจำเลยไปมีหญิงใหม่ โจทก์ไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ความอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ จำเลยเป็นฝ่ายให้ความอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ตามลำพังมาโดยตลอด ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์และจำเลยแล้วแถลงว่าประสงค์จะหย่ากัน แต่เรื่องอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ตกลงกันไม่ได้ศาลชั้นต้นฟังคำแถลงของโจทก์ จำเลยและผู้เยาว์ประกอบเอกสารที่ส่งศาลแล้วมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย

จำเลยยื่นคำร้องขอนำพยานเข้าสืบหักล้างรายงานข้อเท็จจริงของผู้อำนวยการสถานพินิจเนื่องจากทำความเห็นโดยมิได้รับฟังบันทึกข้อความของเขตลอสแอนเจลิสแผนกบริการเด็กและครอบครัวตามเอกสารหมาย ล.1

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เอกสารที่ประสงค์จะสืบรวมอยู่ในเอกสารหมายล.1 แล้ว ทั้งตัวความไม่จำต้องสืบพยานเพื่อหักล้างความเห็นของผู้อำนวยการสถานพินิจ จึงไม่จำเป็นต้องสืบพยานอีก ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิงจันทกานต์ผู้เยาว์แต่ผู้เดียว

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษา

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิงจันทกานต์บุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และฎีกาจำเลยว่าโจทก์หรือจำเลยสมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิงจันทกานต์บุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียวเห็นว่า โจทก์มีภริยาใหม่แล้วและอาศัยอยู่ต่างประเทศมีบุตรกับภริยาใหม่1 คน ส่วนจำเลยอยู่ที่ประเทศไทยยังไม่มีสามีใหม่ ปัจจุบันผู้เยาว์อายุประมาณ 8 ปี อาศัยอยู่กับจำเลยโดยมีป้า ตาและยายของผู้เยาว์เป็นผู้ดูแลให้ผู้เยาว์ได้รับความอบอุ่น จำเลยออกค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์และให้การศึกษาผู้เยาว์แต่ฝ่ายเดียว โจทก์ไม่เคยช่วยเหลือให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูเลย เมื่อพิจารณาภาพถ่ายเอกสารท้ายคำแก้ฎีกาของจำเลยหมายเลข 1 และผลการเรียนของผู้เยาว์ตามเอกสารท้ายคำแก้ฎีกาของจำเลยหมายเลข 3 ประกอบกับผู้เยาว์ก็แถลงต่อศาลว่าอยากอยู่ประเทศไทยกับจำเลยและคุณป้า คุณตา คุณยาย จึงเห็นว่าหากผู้เยาว์อยู่กับจำเลยที่ประเทศไทยก็จะเหมาะสมกว่าที่จะไปอยู่ต่างประเทศกับโจทก์ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยละเลยปล่อยให้ผู้เยาว์ถูกละเมิดนั้นจำเลยก็ปฏิเสธว่ามิได้มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ทั้งเหตุการณ์ดังกล่าวก็เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งตามเอกสารที่โจทก์นำสืบประกอบนั้นก็มิได้มีข้อความยืนยันว่า มีเหตุการณ์ดังอ้างเกิดขึ้นชัดแจ้ง คงได้ความว่าเป็นคำร้องเรียนของโจทก์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานดังกล่าวมีคำสั่งห้ามจำเลยมิให้ชายอื่นเข้าใกล้ชิดผู้เยาว์เท่านั้น และที่โจทก์อ้างว่าจำเลยถูกศาลประเทศสหรัฐอเมริกาสั่งให้เป็นคนล้มละลายนั้นก็ปรากฏว่าจำเลยได้มาอยู่ประเทศไทยและมิได้ถูกศาลพิพากษาให้เป็นคนล้มละลายจึงยังไม่พอที่จะเป็นเหตุให้จำเลยไม่เหมาะสมที่จะใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ซึ่งโจทก์เองก็ปรากฏตามที่จำเลยยื่นคำแก้ฎีกาว่า โจทก์ก็ถูกศาลประเทศสหรัฐอเมริกาสั่งให้เป็นคนล้มละลายตามเอกสารท้ายคำแก้ฎีกาของจำเลยหมายเลข 4 ถึง 6 ดังได้วินิจฉัยมาแล้ว เห็นว่า จำเลยเป็นผู้เหมาะสมที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ยิ่งกว่าโจทก์ แม้จำเลยจะมิได้ฟ้องแย้งศาลก็มีอำนาจที่จะชี้ขาดว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิงจันทกานต์ผู้เยาว์แต่ผู้เดียว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share