คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การระบุวันเดือนปีพร้อมกับขีดฆ่าอากรแสตมป์นั้น เพียงมุ่งหมายให้ทราบว่าได้มีการปิดและขีดฆ่าเมื่อใดเท่านั้น เมื่อเอกสารได้มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ก่อนมีคำพิพากษาแล้ว แม้จะไม่ได้ลงวันที่ที่ขีดฆ่าก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
การซื้อขายได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ 60 วัน นับแต่วันที่ส่งมอบสินค้า เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนดย่อมได้ชื่อว่าผิดนัดแล้ว ไม่จำต้องทวงถามก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ราคาสินค้าที่ค้าง ๑๓๔,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๓๔,๐๐๐ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่าหนังสือมอบอำนาจช่วงเอกสารหมาย จ.๓ อากรแสตมป์มิได้มีการขีดฆ่าและลงวันที่นั้นก็ปรากฏว่ามีการขีดฆ่าอากรแสตมป์แล้ว เพียงแต่มิได้ลงวันที่เท่านั้น เห็นว่าการระบุวันเดือนปีพร้อมกับขีดฆ่านั้น เพียงมุ่งหมายให้ทราบว่าได้มีการปิดและขีดฆ่าเมื่อใดเท่านั้น เมื่อเอกสารฉบับนี้ได้มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ก่อนมีคำพิพากษาแล้วเช่นนี้แม้จะไม่ได้ลงวันที่ที่ขีดฆ่าก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘
ส่วนปัญหาเรื่องการทวงถามนั้น จำเลยฎีกาว่า โจทก์ต้องทวงถามก่อนจึงจะฟ้องคดีได้ เห็นว่า โจทก์นำสืบแล้วว่าการซื้อขายสินค้ารายนี้ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ ๖๐ วัน นับแต่วันที่ส่งมอบสินค้า เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนดย่อมได้ชื่อว่าผิดนัดแล้ว ดังนี้ ไม่ว่าโจทก์จะได้ทวงถามก่อนแล้วหรือไม่ย่อมไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายืน.

Share