คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยให้การรับสารภาพภายหลังที่โจทก์สืบพยานเสร็จสิ้นแล้วแม้คดีนี้ถ้าจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคแรกแต่เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 185 วรรคแรก ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 91, 371พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 ริบอาวุธปืนของกลาง จำเลยให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้กระทำผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และพาอาวุธปืนเข้าไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ ส่วนข้อหาพยายามฆ่า จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ (ที่ถูกคือมาตรา 7,8 ทวิ วรรคแรก, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง) คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 91, 371พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 8 เดือน ฐานพาอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกฐานมีอาวุธปืน 4 เดือนฐานพาอาวุธปืน จำคุก 3 เดือน และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี จำเลยรับว่าใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน รวมจำคุก7 ปี 3 เดือน ริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80,91, 371 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา8 ทวิ, 72 ทวิ ไม่ริบของกลาง โทษจำคุกฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตให้รอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 มีกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยแล้วข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยมีอาวุธปืนแก๊ปยาว หมายเลขทะเบียน พร.1/7675 พร้อมกระสุนปืน 1 นัด ไว้ในความครอบครองและจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงในขณะเกิดเหตุ 1 นัด ปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่า จำเลยพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะหรือไม่ เห็นว่า การพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่นำสืบพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยหรือให้ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิด แต่ข้อหาความผิดดังกล่าว โจทก์หาได้นำสืบให้ได้ความว่าวันเกิดเหตุจำเลยพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะดังที่โจทก์ฟ้องเลยตามบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ เอกสารหมาย ปจ.1 ลักษณะของสถานที่เกิดเหตุอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านเป็นป่า และไร่ถั่วลิสงแม้จะมีทางเกวียนเข้าไร่ก็ยากแก่การสัญจรไปมาและไม่ปรากฏว่าเป็นทางสาธารณะ จะสันนิษฐานว่าจำเลยพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผ่านเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะ เพื่อให้จำเลยต้องรับโทษหาได้ไม่แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่ก็ภายหลังจากที่โจทก์สืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว และที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคแรกบัญญัติว่า ถ้าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้นั้น มิได้หมายความว่าเมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วจะต้องพิพากษาลงโทษเสมอไป เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 วรรคแรกได้”
พิพากษายืน

Share