แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีตำแหน่งเป็นราชเลขาธิการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวย่อมมีหน้าที่ต้องกลั่นกรองเรื่องราวต่างๆ ที่นำขึ้นถวายบังคมทูลให้ทรงทราบตามที่เห็นสมควร ให้เหมาะสมกับกาละเทศะและราชประเพณีซึ่งจะต้องกระทำด้วยความรอบคอบมิใช่ว่าเมื่อมีการทูลเกล้าฯถวายฎีกาในเรื่องใดก็จะต้องรีบนำขึ้นกราบทูลให้ทรงทราบทันทีเสมอไปโดยไม่ต้องสอบสวนเรื่องราวให้ได้ความถ่องแท้เสียก่อน ความเสียหายที่โจทก์ทูลเกล้าฯถวายฎีกา แล้วจำเลยมิได้นำขึ้นกราบบังคมทูล จึงมิได้เกิดจากการกระทำหรือไม่กระทำของจำเลย โจทก์มิใช่ผู้เสียหาย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นสั่งงดการไต่สวนมูลฟ้อง แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์มิใช่ผู้เสียหายพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คำฟ้องของโจทก์มีสาระสำคัญว่าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระองค์ขายที่ดินที่โจทก์และพวกเช่าอยู่ แล้วผู้ซื้อขับไล่โจทก์กับพวก โจทก์จึงทำฎีกาทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยโจทก์อ้างว่าการซื้อขายกระทำโดยมิชอบและมีการทุจริต ต่อมาโจทก์ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานบรมราชานุญาตขอซื้อที่ดินนั้นและนายชุมพล มณีเนตร และพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องราวซึ่งอ้างว่ามีการทุจริตในการซื้อขายที่ดินไปยังจำเลยอีก แต่จำเลยเก็บเรื่องทั้งหมดไว้ไม่นำความกราบทูลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ ซึ่งโจทก์ถือว่าการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำฟ้องนี้ความเสียหายของโจทก์คือการที่โจทก์ถูกผู้ซื้อที่ดินขับไล่ออกจากที่เช่านั่นเอง ซึ่งก็ปรากฏจากคำฟ้องว่าโจทก์และนายชุมพล มณีเนตร ดำเนินการในเรื่องนี้เมื่อได้มีการซื้อขายที่ดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว และการขับไล่นั้นก็เป็นเรื่องของผู้ซื้อที่ดิน หาใช่เป็นผลจากการกระทำของจำเลยไม่ ความเสียหายของโจทก์จึงมิได้เกิดจากการกระทำของจำเลย ศาลฎีกายังเห็นต่อไปว่า จำเลยมีตำแหน่งเป็นราชเลขาธิการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ย่อมมีหน้าที่ต้องคอยกลั่นกรองเรื่องราวต่าง ๆ ที่นำขึ้นถวายบังคมทูลให้ทรงทราบตามที่เห็นสมควร ให้เหมาะสมกับกาละเทศะและราชประเพณี ซึ่งจะต้องกระทำด้วยความรอบคอบ มิใช่ว่าเมื่อมีการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาในเรื่องใดก็จะต้องรีบนำขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงทราบทันทีเสมอไป โดยไม่ต้องสอบสวนเรื่องราวให้ได้ความถ่องแท้เสียก่อน ความเสียหายของโจทก์จึงมิได้เกิดจากการกระทำหรือไม่กระทำของจำเลยดังโจทก์อ้าง ฉะนั้นที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาว่า โจทก์มิใช่ผู้เสียหายจึงชอบแล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่าหากจำเลยนำฎีกาของโจทก์ขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ โจทก์จะไม่ถูกผู้ซื้อที่ดินขับไล่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาข้อนี้เป็นเพียงการคาดคะเนของโจทก์เท่านั้นจะฟังเป็นแน่นอนดังโจทก์ฎีกาหาได้ไม่ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยไม่นำฎีกาของโจทก์ขึ้นกราบบังคมทูลทำให้โจทก์ไม่อาจต่อสู้คดีที่ถูกผู้ซื้อที่ดินฟ้องได้เต็มที่ ทำให้โจทก์เสียหายนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่ปรากฏอยู่ในคำฟ้องมิใช่ข้อที่ได้ว่ามาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาหาอาจรับวินิจฉัยให้ได้ไม่เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์เห็นได้ว่า โจทก์มิใช่ผู้เสียหายดังได้วินิจฉัยมาแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องต่อไปอีกดังที่โจทก์ฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นทุกข้อ”
พิพากษายืน