แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือมอบอำนาจให้ตัวแทนไปทำสัญญาขายฝากนั้นกฎหมายไม่บังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือชนิดใดเปลี่ยนสัญญากู้หนี้เป็นการขายฝากนับว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่ เมื่อเจ้าหนี้กับลูกหนี้ทำสัญญาแปลงหนี้ใหม่แล้ว ผู้ค้ำประกันก็เป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิด ผัวเมีย ภรรยาให้กู้หนี้โดยสามีมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปทำสัญญาแปลงหนี้เงินกู้ เป็นสัญญาขายฝากโดยภรรยารู้เห็นยินยอมด้วยตัดสินว่าการแปลงหนี้ผูกมัดภรรยา
ย่อยาว
ได้ความว่าบิดาจำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ไป ๔๐๐๐ บาท มอบหนังสือสัญญาซื้อขายที่นารวม ๘ ฉะบับให้โจทก์ยึดไว้เป็นประกันแลจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันต่อมาสามีโจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ ๒ ไปทำสัญญารับซื้อฝากที่นาซึ่งวางเป็นประกันจากบิดาจำเลยที่ ๑ แทนเงินกู้ การให้กู้แลซื้อฝากนี้โจทก์กับสามีได้ทำด้วยความรู้เห็นยินยอมด้วยกัน บัดนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้เงินกู้รายนี้
ศาลเดิมพิพากษาให้จำเลยทั้ง ๒ ใช้เงินรายนี้แก่โจทก์โดยกล่าวว่า จำเลยที่ ๒ ทำแทนโดยปราศจากอำนาจ
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ ๒ ได้ไปทำสัญญารับซื้อฝากที่นาแทนสามีโจทก์โดยโจทก์ตกลงยินยอมด้วย แลเห็นว่าหนี้สินตามสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำให้โจทก์เป็นอันระงับสิ้นไปโดยการแปลงหนี้ใหม่ตามป.พ.พ.ม. ๓๔๙ จึงพิพากษาให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๒
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อที่โจทก์ว่าหนังสือมอบอำนาจที่ให้จำเลยที่ ๒ ทำสัญญาซื้อฝากแทนนั้นเป็นหนังสือส่วนตัว จะหยิบยกมาใช้ในราชการไม่ได้นั้น เห็นว่าตามป.พ.พ.ม. ๗๙๘ มิได้บัญญัติไว้ว่าหนังสือนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือชนิดใด ทั้งปรากฎว่าไม่มีระเบียบราชการบังคับในเรื่องหนังสือมอบอำนาจอย่างไร และการกู้แลรับซื้อฝากรายนี้โจทก์กับสามีได้ทำด้วยความรู้เห็นยินยอมด้วยกัน จึงไม่มีปัญาหาอะไรจะไม่มัดโจทก์ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์