คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของ หรือผู้ครอบครองรถยนต์ที่เอาประกันภัยในขณะที่ทำสัญญาประกันภัย โจทก์จึงไม่มีส่วนได้เสียในรถยนต์คันดังกล่าว กรมธรรม์ประกันภัยระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ผูกพันคู่กรณี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 863 ดังนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน70-5364 กรุงเทพมหานคร จากโจทก์เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2525นายสมศักดิ์ ชื่นแผ้ว ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปชนกับรถยนต์เก๋งส่วนบุคคลซึ่งมีร้อยตำรวจเอกอภิชัย วิบูลย์เสข เป็นผู้ขับขี่ทำให้รถยนต์ที่ถูกชนเสียหายมีผู้บาดเจ็บและตาย โจทก์ได้มอบอำนาจให้นายพรชัย วรสายันห์ทำความตกลงชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ตายและบาดเจ็บไปแล้ว 200,000 บาท จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยต้องรับผิดต่อโจทก์…
จำเลยให้การว่าโจทก์มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์หรือเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์หมายเลขทะเบียน 70-5364 กรุงเทพมหานคร เพราะขายรถนั้นให้นายพยม นาคมณี ไปแล้ว โจทก์ไม่มีส่วนได้เสียในตัวรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยนายสมศักดิ์ ชื่นแผ้ว ไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาประกันภัย ทั้งนายสมศักดิ์ ชื่นแผ้ว มิใช่ลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่ไปในทางการที่จ้างโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดในเหตุละเมิด จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยก็ไม่จำต้องรับผิดตามไปด้วย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ผู้เอาประกันภัยพิสูจน์ไม่ได้ว่า ผู้ขับรถยนต์ในขณะเกิดอุบัติเหตุเคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบตามข้อกำหนดในกรมธรรม์ ข้อ2.13.6 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์ที่เอาประกันภัยไม่ได้เป็นนายจ้างของคนขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยจึงไม่มีเหตุตามกฎหมายที่โจทก์จะต้องรับผิดชอบร่วมกับคนขับรถยนต์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์จำเลยนำสืบและแถลงรับกันตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 29มิถุนายน 2527 ฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญารับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน 70-5364 กรุงเทพมหานคร จากโจทก์มีกำหนดเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2525 ถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2526 ปรากฏตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.4 เดิมโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว แต่ขณะทำสัญญาประกันภัย โจทก์ได้ขายรถยนต์คันดังกล่าวให้แก่นายพยม นาคมณี ไปแล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2525 รถยนต์คันดังกล่าวซึ่งเป็นรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ได้เกิดชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 6ข-2750 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีร้อยตำรวจเอกอภิชัย วิบูลย์เสขเป็นผู้ขับขี่ เป็นเหตุให้ร้อยตำรวจเอกอภิชัยและนายจักรพล เพชรบุตรซึ่งนั่งมาในรถได้รับบาดเจ็บสาหัสและนายเกษม ยะโสวันต์ กับนายทรงพลจาตุรงค์กุล ซึ่งนั่งมาในรถอีก 2 คน ถึงแก่ความตาย หากจำเลยจะต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยแล้ว โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยรับผิดเป็นเงิน 100,000 บาท
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน 70-5364 กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้เอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยเท่านั้น ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์นำรถยนต์คันดังกล่าวไปใช้ในกิจการของโจทก์อย่างไร อันจะมีผลให้โจทก์ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวจึงเป็นการกล่าวอ้างว่าโจทก์มีส่วนได้เสียในรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ เมื่อจำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว โจทก์ไม่มีส่วนได้เสียในรถยนต์ที่เอาประกันภัย ประเด็นจึงมีเพียงว่าโจทก์มีส่วนได้เสียในฐานะที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้กับจำเลยหรือไม่เท่านั้น ที่โจทก์นำสืบและฎีกาว่า เจ้าของรถยนต์คันที่โจทก์เอาประกันภัยไว้กับจำเลย ได้นำรถยนต์คันดังกล่าวเข้าร่วมในกิจการของโจทก์ โดยแบ่งผลประโยชน์กัน โจทก์จึงมีส่วนต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดด้วยนั้น เป็นเรื่องนอกคำฟ้อง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ในขณะที่ทำสัญญาประกันภัย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์คันดังกล่าว กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงไม่ผูกพันคู่กรณีแต่อย่างใด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 863 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แม้อำนาจฟ้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง…”
พิพากษายืน.

Share