แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ส.เคยยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดินและเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลยขอให้ศาลสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินโดยกล่าวหาว่าโฉนดดังกล่าวออกมาไม่ชอบทับที่ดินของตนแต่ผลที่สุดคดีตกลงกันได้ศาลได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความไปแล้วโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของน. ภรรยาส. ซึ่งถึงแก่กรรมจึงมีความผูกพันตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความในอันที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ส.ทำไว้เมื่อข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความส. ตกลงจะไม่เรียกร้องที่ดินที่เหลือนอกเหนือจากที่ตกลงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความอีกโจทก์จึงไม่มีอำนาจเรียกร้องหรือฟ้องกรมที่ดินหรืออธิบดีกรมที่ดินขอให้มีการเพิกถอนโฉนดที่ดินนั้นพร้อมที่ดินแปลงย่อยที่แบ่งแยกจากที่ดินโฉนดดังกล่าวซ้ำอีกและการที่จำเลยทั้งสองแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่าการออกโฉนดที่ดินและที่ดินแปลงย่อยที่แบ่งแยกจากโฉนดที่ดินดังกล่าวตามคำฟ้องเป็นการออกโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วจึงไม่เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่โจทก์บรรยายไว้ในคำฟ้องเพราะโจทก์ไม่มีสิทธิใดๆเกี่ยวกับที่ดินตามคำฟ้องโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินซึ่งออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่จำเลยทั้งสองใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ อันมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องบุคคลอื่นซึ่งมีชื่อถือกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายได้มีหนังสือลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2535 แจ้งว่าโฉนดที่ดินที่โจทก์ขอให้เพิกถอนดังกล่าวออกโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เป็นเหตุให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินตามคำร้องของโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 160,600,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดลพบุรี ในคดีหมายเลขแดงที่ 620/2535 ตามคำฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ 328/2515 ของศาลจังหวัดลพบุรี และตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีหมายเลขดำที่ 328/2525ของศาลจังหวัดลพบุรี เอกสารหมาย ล.4 ว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 15865เมื่อขณะยังมิได้มีการแยกเป็นแปลงย่อยตามคำฟ้องนายสุข บรรจงทรัพย์ส. เคยยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดินและเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลยขอให้ศาลสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน โดยกล่าวหาว่าโฉนดดังกล่าวออกมาไม่ชอบทับที่ดินของตน แต่ผลที่สุดคดีตกลงกันได้ศาลจังหวัดลพบุรีได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความไปแล้วโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกนางสงวน บรรจงทรัพย์ ภรรยานายสุขบรรจงทรัพย์ ซึ่งถึงแก่กรรมจึงมีความผูกพันตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ในอันที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่นายสุขทำไว้ เมื่อข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความนายสุขตกลงจะไม่เรียกร้องที่ดินที่เหลือนอกเหนือจากที่ตกลงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความอีกโจทก์จึงไม่มีอำนาจเรียกร้องหรือฟ้องกรมที่ดินหรืออธิบดีกรมที่ดินขอให้มีการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 15865 พร้อมที่ดินแปลงย่อยที่แบ่งแยกจากที่ดินโฉนดดังกล่าวซ้ำอีก และการที่จำเลยทั้งสองแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีว่า การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 15865 และที่ดินแปลงย่อยที่แบ่งแยกจากโฉนดที่ดินดังกล่าวตามคำฟ้อง เป็นการออกโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จึงไม่เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่โจทก์บรรยายไว้ในคำฟ้อง เพราะโจทก์ไม่มีสิทธิใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินตามคำฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องชอบแล้ว
พิพากษายืน