แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์อ้างสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นพยานเพื่อแสดงข้อเท็จจริงต่อศาลว่าได้มีการทำสัญญาระหว่าง ว. กับจำเลยที่1ไม่ได้อ้างเพื่อแสดงข้อเท็จจริงว่าเป็นใบรับจึงไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวด6แห่งประมวลรัษฎากรข้อ28และไม่ต้องห้ามไม่ให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานตามประมวลรัษฎากรมาตรา118 ตาม คำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้บังคับจำเลยที่1จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์หากไม่ดำเนินการขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระราคาที่ดินที่ ว. ได้ชำระไปพร้อมดอกเบี้ยฉะนั้นคำขอของโจทก์คือถ้าโอนที่ดินไม่ได้ก็ขอเงินที่ชำระไปคืนโจทก์มิได้ขอให้จำเลยชำระราคาที่ดินในขณะฟ้องการที่ศาลอุทธรณ์ภาค2พิพากษาให้จำเลยที่1ชำระราคาที่ดินจำนวน70,100บาทจึงเป็นการพิพากษาเกินคำขออันเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจำเลยที่1จึงมีสิทธิฎีกาและศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยให้
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้จัดการมรดก ของ นาย วิรัตน์ จำเลย ทั้ง สอง อยู่กิน ฉัน สามี ภริยา กัน และ เป็น หุ้นส่วน ใน การ ดำเนินกิจการ จัดสรร ที่ดิน เมื่อ วันที่ 2 กันยายน 2528 จำเลย ทั้ง สองได้ ร่วมกัน ทำ สัญญาจะขาย ที่ดิน ให้ แก่ นาย วิรัตน์ เป็น เงิน 34,550 บาท ใน วัน ทำ สัญญา นาย วิรัตน์ ได้ วางเงิน มัดจำ จำนวน 3,400 บาท ส่วน ที่ เหลือ นาย วิรัตน์ จะ ผ่อนชำระ ให้ จำเลย ทั้ง สอง เป็น รายเดือน เดือน ละ 500 บาท ภายใน วันที่ 10 ของ ทุกเดือน นาย วิรัตน์ ผ่อนชำระ ค่างวด ให้ แก่ จำเลย ทั้ง สอง ได้ จำนวน 59 งวด ก็ ถึงแก่ความตายโจทก์ ใน ฐานะ ทายาท ได้ ผ่อนชำระ ส่วน ที่ เหลือ จน ครบ แต่ จำเลย ที่ 1ไม่ยอม จดทะเบียน โอน ที่ดิน ดังกล่าว ให้ แก่ ทายาท ของ นาย วิรัตน์ โจทก์ ได้ มอบ ให้ ทนายความ มี หนังสือ บอกกล่าว ทวงถาม จำเลย ที่ 1 แล้วขอให้ บังคับ จำเลย ที่ 1 จดทะเบียน โอน กรรมสิทธิ์ ที่ดิน แปลง พิพาทให้ แก่ โจทก์ หาก จำเลย ที่ 1 ไม่ ดำเนินการ ขอให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกันหรือ แทน กัน ชำระ ราคา ที่ดิน ที่นาย วิรัตน์ ได้ ชำระ ไป พร้อม ดอกเบี้ย ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วัน ครบ กำหนด ใน สัญญา จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ
จำเลย ที่ 1 ให้การ ว่า จำเลย ที่ 1 เคย จ้าง ให้ จำเลย ที่ 2เป็น เสมียน บัญชี กิจการ ค้าขาย ที่ดิน ระหว่าง ปี 2524-2530 เท่านั้นจำเลย ที่ 1 ไม่ได้ ทำ สัญญาจะขาย ที่ดิน ตาม ฟ้อง ให้ แก่ นาย วิรัตน์ และ ไม่เคย ได้รับ เงิน ค่าที่ดิน ดังกล่าว จำเลย ที่ 2 เป็น ผู้ ลงลายมือชื่อ จำเลย ที่ 1 ใน สัญญาซื้อขาย โดย มิได้ รับ ความ ยินยอมและ เป็น ผู้รับเงิน ไป โดย มิได้ นำ มา มอบ ให้ แก่ จำเลย ที่ 1 จำเลย ที่ 1ไม่เคย ได้รับ คำบอกกล่าว ให้ โอน ที่ดิน มา ก่อน ที่ดินพิพาท มี ราคา70,100 บาท ขอให้ ยกฟ้อง
จำเลย ที่ 2 ให้การ ว่า จำเลย ที่ 2 ไม่ได้ เป็น หุ้นส่วน กับจำเลย ที่ 1 เพียงแต่ ได้รับ มอบหมาย จาก จำเลย ที่ 1 ให้ ทำ หน้าที่เก็บ เงิน จาก ผู้ที่ ซื้อ ที่ดิน จัดสรร จาก จำเลย ที่ 1 และ ออกใบเสร็จรับเงิน ให้ จำเลย ที่ 2 นำ เงิน ไป มอบ ให้ แก่ จำเลย ที่ 1จน ครบ แล้ว ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ที่ 1 จดทะเบียน โอน ที่ดิน โฉนดเลขที่ 23215 ให้ แก่ โจทก์ หาก จำเลย ที่ 1 ไม่ปฏิบัติ ตาม ให้จำเลย ที่ 1 ชำระ ราคา ที่ดิน จำนวน 34,550 บาท ให้ แก่ โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วันที่ 8 สิงหาคม 2534เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ ให้ยก ฟ้องโจทก์ สำหรับ จำเลย ที่ 2
จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษาแก้ เป็น ว่า หาก จำเลย ที่ 1ไม่ปฏิบัติ ตาม ให้ จำเลย ที่ 1 ชำระ ราคา ที่ดิน จำนวน 70,100 บาทนอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลย ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า จำเลย ที่ 1 ฎีกา ข้อ แรก ว่า สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท หมาย จ. 3 มี รายการ แสดง ว่า ได้ มี การ ชำระ เงิน จำนวน3,400 บาท จึง เป็น ใบ รับ ตาม บัญชี อัตรา อากรแสตมป์ ท้าย หมวด 6แห่ง ประมวลรัษฎากร ข้อ 28 ต้อง ปิดอากรแสตมป์ เสีย ก่อน จึง จะ รับฟังเป็น พยานหลักฐาน ได้ เห็นว่า โจทก์ อ้าง สัญญาซื้อขาย ที่ดินพิพาทหมาย จ. 3 เป็น พยาน เพื่อ แสดง ข้อเท็จจริง ต่อ ศาล ว่า ได้ มี การ ทำสัญญาจะซื้อจะขาย ที่ดินพิพาท ระหว่าง นาย วิรัตน์ กับ จำเลย ที่ 1ไม่ได้ อ้าง เพื่อ แสดง ข้อเท็จจริง ว่า เป็น ใบ รับ จึง ไม่ต้อง ปิดอากรแสตมป์ ตาม บัญชี อัตรา อากรแสตมป์ ท้าย หมวด 6 แห่ง ประมวลรัษฎากรข้อ 28 และ ไม่ต้องห้าม ไม่ให้ รับฟัง เป็น พยานหลักฐาน ตาม ประมวลรัษฎากรมาตรา 118 จำเลย ที่ 1 ฎีกา อีก ข้อ หนึ่ง ว่า ศาลอุทธรณ์ ภาค 2พิพากษาแก้ ให้ จำเลย ที่ 1 ชำระ เงิน 70,100 บาท มิใช่ แก้ ข้อผิดพลาดเล็กน้อย และ เป็น การ พิพากษา เกินคำขอ เห็นว่า โจทก์ บรรยายฟ้อง ว่าจำเลย ทั้ง สอง ทำ สัญญาจะขาย ที่ดินพิพาท ให้ แก่ นาย วิรัตน์ เป็น เงิน 34,550 บาท นาย วิรัตน์ ผ่อนชำระ ค่างวด ให้ แก่ จำเลย ทั้ง สอง ได้ 59 งวด ก็ ถึงแก่ความตาย โจทก์ ใน ฐานะ ทายาท ได้ ผ่อนชำระ ส่วน ที่ เหลือจน ครบ แต่ จำเลย ที่ 1 ไม่ยอม จดทะเบียน โอน ที่ดินพิพาท ให้ แก่ ทายาทของ นาย วิรัตน์ ขอให้ บังคับ จำเลย ที่ 1 จดทะเบียน โอน ที่ดินพิพาท ให้ โจทก์ หาก ไม่ ดำเนินการ ขอให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน หรือ แทน กันชำระ ราคา ที่ดิน ที่นาย วิรัตน์ ได้ ชำระ ไป พร้อม ดอกเบี้ย ฉะนั้น คำขอ ของ โจทก์ คือ ถ้า โอน ที่ดิน ไม่ได้ ก็ ขอ เงิน ที่ ชำระ ไป คืน โจทก์ มิได้ขอให้ จำเลย ชำระ ราคา ที่ดิน ใน ขณะ ฟ้อง การ ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2พิพากษา ให้ จำเลย ที่ 1 ชำระ ราคา ที่ดิน จำนวน 70,100 บาท จึง เป็น การพิพากษา เกินคำขอ อันเป็น ปัญหา เกี่ยว ด้วย ความสงบ เรียบร้อย ของ ประชาชนจำเลย ที่ 1 จึง มีสิทธิ ฎีกา และ ศาลฎีกา มีอำนาจ วินิจฉัย ให้
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ บังคับคดี ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้นนอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 2