แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยปลอมหนังสือขึ้นเอง แล้วนำหนังสือปลอมนั้นไปใช้ คือไปขายให้แก่ผู้อื่น จึงขอให้ลงโทษทั้ง 2 ฐานคือตาม ก.ม,ลักษณะอาญามาตรา 224 และ 227 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลอมเอง คงฟังได้ว่าจำ เลยใช้หนังสือปลอมอันเป็นผิดตามมาตรา 227 ซึ่งโยนไปลงโทษตามมาตรา 224 จึงพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี.
โจทก์มิได้อุทธรณ์ คงมีจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์กลับเห็นว่าจำเลยเป็นตีวการในการปลอม หนังสือ แต่ไม่ผิดฐานใช้หนังสือปลอม จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา 224 ดังนี้ ถือได้ว่า เป็นการลงโทษตามมาตราที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นการชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นพนักงานป่าไม้จัดหวัดนครสวรรค์ จำเลยได้บังอาจปลอมลายมือชื่อของนายฉาย อาจจำเนียร ลงในด้านหลังใบเสร็จเก็บเงินค่าภาคหลวงไม้ฟืน ในนามของผู้มอบขายสิทธิที่จะทำฟืนและนำฟืนเคลื่อน ที่ผ่านด่านป่าไม้ และจำเลยนำเอาใบเสร็จดังกล่าวไปขายให้แก่นายแดง ฯลฯ จึงขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๒๒๒, ๒๒๔, ๒๒๗.
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่า จำเลยปลอมด้วยตนเองแต่ฟังว่าจำเลยได้นำใบสำคัญที่รู้อยู่ว่า ปลอมมาขายให้แก่นายเต็ง จึงมี ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๒๒ และ ๒๒๗ โยนไปให้ลงโทษตามมาตรา ๒๒๔ พิพากษาให้จำคุกจำเลย ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยเป็นตัวการในการปลอมหนังสือด้วยแต่ไม่มีผิดฐานใช้หนังสือปลอม จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลย มีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๒๒, ๒๒๔ ให้จำคุกจำเลย ๑ ปี.
จำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยปลอมชื่อนายฉายในหลังใบเสร็จ เก็บเงินค่าภาคหลวง และจำเลยนำเอาใบ เสร็จนั้นไปขายให้แก่นายเต็ง ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๒๒, ๒๒๔, ๒๒๗ เป็น ๒ ฐาน ศาลชั้นต้นยึดเอา เหตุที่ไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ปลอมเอง จึงลงโทษในฐานใช้หนังสือปลอม คือการขายใบเสร็จนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นไป ว่าการขายใบเสร็จนั้นไม่ใช่การใช้หนังสือปลอม แต่การที่จำเลยไปเอาลายเซ็นปลอมมาให้นั้นเป็นความผิดฐานปลอม หนังสือ และต่างก็ลงโทษจำเลยมาตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้ จะว่าเป็นการผิดหรือนอกเหนือจากหลักฐานคำพยาน ในห้องสำนวนหาได้ไม่ จึงพิพากษายืน./