คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจำนองที่ดินมือเปล่าพร้อมด้วยโรงเรือนไว้กับโจทก์เป็นการประกันหนี้ ต่อโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกร้องให้ชำระหนี้และให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเอาเงินไปชำระหนี้ ในที่สุดทำยอมความโดยจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ ครั้นผิดนัดโจทก์จึงนำยึดทรัพย์จำนองเพื่อบังคับคดี ดังนี้ แม้ภายหลังการจำนองและก่อนโจทก์ฟ้องจำเลย จำเลยจะได้ขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้ให้แก่ผู้ร้อง และได้สละสิทธิ์ให้ผู้ร้องยึดถือไว้แล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้สิทธิได้รับชำระหนี้ของโจทก์จากทรัพย์พิพาทหมดไป ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่.

ย่อยาว

จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลยอมชำระเงินแก่โจทก์แล้วผิดนัด โจทก์จึงนำที่ดิน ๑ แปลงพร้อมด้วยโรงเรือนซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินนั้น ๑๐ หลัง เพื่อบังคับคดี
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่าเฉพาะที่ดินกับโรงเรือน ๓ ห้องเป็นของผู้ร้อง โดยจำเลยขายให้และผู้ร้องครอบครองมาเกินกว่า ๑ ปีแล้ว
โจทก็คัดค้านว่าทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดนี้จำเลยได้จดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ การซื้อขายระหว่างจำเลยและผู้ร้องไม่ได้จดทะเบียน เป็นโมฆะ
ในชั้นพิจารณา คู่กรณีรับข้อเท็จจริงกับ+ไม่สืบพยาน ว่าที่ดินของจำเลยที่มีโรงเรือน ๓ หลังนั้นปลูกอยู่เป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ และทรัพย์ที่ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์นี้จำเลยได้จำนองไว้กับโจทก์ก่อนที่จำเลยทำสัญญากันเองขายให้แก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าที่ดินนี้ไม่มีหนังสือสำคัญ ผู้ซื้อย่อมได้สิทธิครอบครองตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๖๗,๑๓๗๗,๑๓๗๘ เมื่อโจทก์นำยึด ทรัพย์พิพาทจึงไม่ใช่เป็นของจำเลยเสียแล้ว พิพากษาให้ถอนการยึดทรัพย์ที่ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าเมื่อ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๑ จำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์ไม่เกินจำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท ในการนี้จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจดทะเบียนต่ออำเภอจำนองที่ดินกับสิ่งปลูกสร้างที่ยึดนี้ไว้แก่โจทก์เป็นประกันเงินกู้ด้วย ต่อมาเมื่อ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๓ ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากันเองกับผู้ร้องขายที่ดินกับโรงเรือน ๓ หลังรายพิพาทให้แก่ผู้ร้อง และจำเลยได้สละสิทธิที่ดินและเรือนให้ผู้ร้องยึดถือได้แล้วแต่วันทำสัญญา
เห็นว่า การที่จำเลยได้จำนองทรัพย์รายพิพาทแก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีทรัพย์สิทธิเหนือทรัพย์รายนี้ ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๐๒ ก็บัญญัติไว้ว่าผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนโปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่ ฉะนั้น แม้ภายหลังการจำนอง ผู้ร้องจะได้กรรมสิทธิ์หรือได้สิทธิครอบครองโดยการโอนทรัพย์ก็ดี ก็ไม่ทำให้สิทธิได้รับชำระหนี้ของโจทก์จากทรัพย์พิพาทหมดไป คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share