คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์โดยได้รับเงินมัดจำไว้ แม้จะมีข้อสัญญาไว้ด้วยว่า ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญา ให้ผู้ซื้อฟ้องเรียกเงินมัดจำคืนตลอดทั้งค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย ก็ไม่พอให้ถือว่าโจทก์ยอมผูกพันว่าเมื่อจำเลยผิดนัดโจทก์จะเพียงแต่เรียกเงินมัดจำคืน กับเรียกค่าเสียหายเท่านั้นเมื่อจำเลยไม่จัดการโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์ย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่ให้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำหนังสือสัญญาจะขายที่ดิน 1 แปลงให้โจทก์ ราคา 5,000 บาท โจทก์จ่ายเงินมัดจำ 750 บาท ให้จำเลยไปแล้วตามสัญญา ต่อมาจำเลยที่ 1 ยังได้รับค่าที่ดินล่วงหน้าไปจากโจทก์อีก 1,000 บาท รวมเงินที่จำเลยรับไป 1,750 บาทแล้วจำเลยบิดพลิ้วไม่จัดการโอนขายและรับเงินที่ค้างขอให้บังคับให้จำเลยทำนิติกรรมโอนขายที่ดินพิพาทให้โจทก์และรับเงินที่ค้างชำระ3,250 บาทฯ หากโอนไม่ได้ก็ขอให้คืนเงินมัดจำและค่าที่ดินที่จำเลยได้รับไปแล้วกับค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า โจทก์ผิดสัญญา จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาและริบมัดจำตามสัญญาที่ทำกันไว้ ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา โจทก์จะขอให้ศาลบังคับให้ขายมิได้ โจทก์มีสิทธิเพียงเรียกเงินมัดจำคืนเท่านั้นกับให้การต่อสู้ประการอื่นอีก

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์จริงแล้วไม่ไปจัดการโอนให้โจทก์เสียหายประมาณ 650 บาท พิพากษาให้จำเลยรับเงินค่าที่ดินที่ค้าง 3,250 บาท และทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทให้โจทก์ หากไม่ไปโอนก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน ถ้าโอนไม่ได้ให้คืนมัดจำและค่าที่ดินที่รับไป 1,750 บาทกับค่าเสียหายอีก 650 บาท

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลสั่งให้รับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายที่ว่าตามสัญญาที่ทำกับโจทก์ เรียกร้องได้แต่เงินมัดจำกับค่าเสียหายเท่านั้น

ศาลฎีกาเห็นว่า ในการทำสัญญาก่อหนี้กันนั้น คู่สัญญาย่อมประสงค์จะได้รับชำระหนี้โดยถูกต้องตามวัตถุแห่งหนี้ การที่โจทก์ทำสัญญาจะซื้อที่ดินจากจำเลย ย่อมมีเจตนาที่จะได้ที่ดินมาเป็นของโจทก์ วัตถุแห่งหนี้ก็คือ การโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 320 ก็ว่าจะบังคับให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้เป็นอย่างอื่นผิดไปจากที่จะต้องชำระแก่เจ้าหนี้นั้นไม่ได้ ข้อสัญญาในสัญญาข้อ 3 ที่เป็นปัญหาซึ่งมีความว่า”ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญานี้ ให้ผู้ซื้อฟ้องร้องเรียกเงินมัดจำคืน ตลอดทั้งค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย” นั้นจึงไม่พอที่จะถือว่าโจทก์สละสิทธิที่จะบังคับชำระหนี้ตามวัตถุแห่งหนี้รายนี้ หรือไม่มีเจตนาที่จะบังคับชำระหนี้โดยเฉพาะเจาะจง โดยโจทก์ยอมผูกพันว่าเมื่อจำเลยผิดนัด โจทก์จะเพียงแต่เรียกมัดจำคืนกับเรียกค่าเสียหายเท่านั้น สัญญาข้อ 3 เป็นแต่เพียงข้อกำหนดความรับผิดของคู่สัญญาเมื่อเกิดผิดสัญญาขึ้น ไม่ใช่กำหนดวัตถุแห่งหนี้หรือการอันพึงกระทำเพื่อการชำระหนี้ ศาลทั้งสองพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ชอบแล้ว

Share