คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3943/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย แต่จำเลยโต้แย้งว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวและให้คืนบัตรประจำตัวประชาชนแก่จำเลยโจทก์จึงต้องมีภาระการพิสูจน์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสัญชาติไทย จำเลยทั้งสองกล่าวอ้างโจทก์เป็นคนต่างด้าวประเภทคนญวนอพยพและให้โจทก์คืนบัตรประจำตัวประชาชนแก่จำเลยทั้งสอง ขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสัญชาติไทย
จำเลยทั้งสองให้การว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า โจทก์เป็นผู้มีสัญชาติไทย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองมีว่า โจทก์เป็นคนสัญชาติไทยหรือไม่ เห็นว่าโจทก์มีเพียงนายเสาคนเดียวเท่านั้นที่มาเบิกความว่าโจทก์เป็นบุตรนายคำ นางลี โจทก์ไม่ได้นำนายคำ นางลี ญาติหรือผู้รู้เห็นมาเบิกความสนับสนุน ทั้ง ๆที่โจทก์ว่าโจทก์เกิดที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานีส่วนเอกสารที่อ้างก็เป็นเพียงสำเนา ซึ่งไม่ใช่สำเนาเอกสารราชการที่รัฐมนตรี หัวหน้ากรมกองหรือหัวหน้าแผนกหรือผู้รักษาการแทนในตำแหน่งนั้น ๆ ได้รับรองความถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(3) จึงไม่เพียงพอที่จะให้เชื่อถือได้ พยานโจทก์นอกจากนี้คงมีตัวโจทก์และสามีโจทก์ซึ่งได้รับการบอกเล่ามาจากนายเสาพยานโจทก์จึงเลื่อนลอยไม่อาจรับฟังได้ เมื่อโจทก์มีภาระการพิสูจน์และไม่สามารถพิสูจน์ให้ศาลเชื่อได้ดังได้วินิจฉัยมาแล้ว พยานจำเลยที่นำสืบมาจึงมีเหตุผลน่าเชื่อกว่าพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นบุตรของนายคำ นางลี และเป็นคนมีสัญชาติไทย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share