แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อน โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์เป็นบุตรและทายาทโดยธรรมของ ฟ. ขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโดยทางรับมรดก ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว ว่าโจทก์มิใช่บุตรของ ฟ. ไม่มีสิทธิรับมรดก โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างเหตุว่าโจทก์เป็นบุตรและทายาทโดยธรรมของ ฟ. และเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้โดยทางรับมรดกอีก เป็นประเด็นเดียวกับคดีก่อน จึงเป็นฟ้องซ้ำ
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7-8 /2519)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นบุตรของนายฟู เกิดแก้ว อันเกิดกับนางกลม ส่วนจำเลยเป็นบุตรของนายฟูเกิดกับนางไหล เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมรดกของนายฟูคนละครึ่ง ก่อนถึงแก่กรรม นายฟูมีที่ดิน ๑ แปลง จำเลยยื่นคำร้องขอรับมรดกที่ดินแปลงนี้แต่ผู้เดียว แต่เจ้าพนักงานที่ดินก็โอนที่ดินให้แก่จำเลย ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลย แยกที่พิพาทเป็น ๒ แปลง เพราะตัดถนนผ่านกลาง โจทก์ได้ครอบครองที่ดินทั้งสองแปลงนี้ตลอดมา ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้งสองแปลงให้แก่โจทก์แปลงละครึ่ง
จำเลยให้การว่า โจทก์และนางกลมได้ยื่นฟ้องจำเลยขอให้แสดงว่าโจทก์กับนางกลมเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้ โดยอ้างว่าโจทก์เป็นบุตรนายฟู และนางกลมเป็นทายาทและเจ้าของที่ดินร่วมกับนายฟูตามคดีแพ่งแดงที่ ๖๗/๒๕๑๑ ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว การฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์นำคดีมาฟ้องในประเด็นเดียวกันกับคดีก่อน เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยปัญหานี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่า คดีแพ่งแดงที่ ๖๗/๒๕๑๑ ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี โจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์เป็นบุตรและเป็นทายาทโดยธรรมของนายฟู ขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้โดยทางรับมรดก ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วว่าโจทก์มิใช่บุตรของนายฟู ไม่มีสิทธิรับมรดกของนายฟู โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างเหตุว่าโจทก์เป็นบุตรของนายฟูและเป็นทายาทโดยธรรมของนายฟู และเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้โดยทางรับมรดกอีก เป็นประเด็นเดียวกันกับคดีแพ่งแดงที่ ๖๗/๒๕๑๑ นั้นเอง จึงเป็นฟ้องซ้ำ
พิพากษายืน