คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8033/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณะฐานะของวัดบาดหลวงโรมัน คาธาลิคในกรุงสยามตามกฎหมาย ร.ศ. 128 ข้อ 1 และข้อ 2 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ระบุให้มิสซังมีฐานะเป็นบริษัท ดังนั้น มิสซังโจทก์จึงเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมีอำนาจฟ้อง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 65,66 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ไม่ได้บัญญัติให้ยกเลิกมิสซังโรมันคาธอลิคว่าไม่เป็นนิติบุคคล แต่ได้บัญญัติรับรองไว้ว่า นิติบุคคลจะมีขึ้นได้ก็แต่ด้วยอาศัยอำนาจแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น เมื่อโจทก์เป็นมิซซังโรมันคาธอลิคเป็นนิติบุคคลอยู่ก่อนแล้วตามพระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณะฐานะของวัดบาดหลวงโรมันคาธอลิคในกรุงสยามตามกฎหมาย ร.ศ. 128 ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษยังใช้บังคับจนปัจจุบันนี้ พระราชบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นกฎหมายอื่นฉบับหนึ่งตามความหมายของมาตรา 65 โจทก์จึงมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายอยู่ต่อไป

ย่อยาว

คดีทั้งห้าสำนวนนี้ศาลชั้นต้นสั่งพิจารณาและพิพากษารวมกับคดีหมายเลขแดงที่ 1285/2535 ของศาลชั้นต้น ซึ่งยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีห้าสำนวนนี้โดยศาลชั้นต้นเรียกนางม่วย แซ่ตั้ง เป็นจำเลยที่ 1นางบุญศรี อยู่ประเสริฐ จำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 1285/2535เป็นจำเลยที่ 2 นางสุมิตรา ศรีสุระ เป็นจำเลยที่ 3นายปฐม ฐาณิตสรณ์ เป็นจำเลยที่ 4 นางสาวพจกานต์ เชื้อทินเป็นจำเลยที่ 5 และนายอุดมศักดิ์ รุ่งพิทักษ์นนท์ เป็นจำเลยที่ 6
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6 ในทำนองเดียวกันว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายเวชช วิศวโยธิน ฟ้องคดีแทน เมื่อวันที่1 มกราคม 2531 โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6เช่าที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 1772 กำหนดเวลา 1 ปี จนถึงวันที่31 ธันวาคม 2531 ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยที่ 1 และที่ 3ถึงที่ 6 เช่าที่ดินจึงมีหนังสือบอกเลิกการเช่า ให้จำเลยที่ 1และที่ 3 ถึงที่ 6 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างขนย้ายบริวารออกไปแต่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6 ไม่ปฏิบัติตาม ทำให้โจทก์เสียหายขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารทั้งหมดออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 1772ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี พร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 538.50 บาท จำเลยที่ 3 ชำระค่าเสียหายเดือนละ 472.50 บาท จำเลยที่ 4 ชำระค่าเสียหายเดือนละ 427.50 บาท จำเลยที่ 5 ชำระค่าเสียหายเดือนละ 733.70 บาท และจำเลยที่ 6 ชำระค่าเสียหายเดือนละ 260 บาท แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยแต่ละคนจะขนย้ายบริวารและทรัพย์สินออกจากที่ดินของโจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6 ให้การทำนองเดียวกันว่าโจทก์ไม่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ไม่ได้รับมอบอำนาจจากวัดพระแม่สกลสงเคราะห์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งหกและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 1772 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ของโจทก์ ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 161.55 บาท จำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 150 บาท จำเลยที่ 3 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 141.75 บาท จำเลยที่ 4 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 128.25 บาท จำเลยที่ 5 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 220.11 บาท และจำเลยที่ 6 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 78 บาท แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะขนย้ายออกไป
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6 ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณะฐานะของวัดบาดหลวงโรมันคาธอลิคในกรุงสยามตามกฎหมาย ร.ศ. 128 ข้อ 1 บัญญัติว่า “คณะโรมันคาธอลิคในกรุงสยามนี้ไม่เลือกว่ามิซซังและบาดหลวงจะเป็นคนชาติภาษาใด ๆ ได้รับอนุญาตตามกฎหมายฝ่ายสยามให้เป็นบริษัทอันหนึ่งเฉพาะวิการิโอ อาปอสตอลิโก แห่งหนึ่งเพื่อให้มีอำนาจถือที่ดินสำหรับประโยชน์มิซซัง ตามข้อความที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้” และข้อ 2 วรรคหนึ่ง และวรรคสองบัญญัติว่า “วิการิอาโต อาปอสตอลิโก นั้นต่อไปในภายหลังเรียกว่า บิสชอปริก ฤา มิซซัง
วิการิโอ อาปอสตอลิโก ที่โป๊ปได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ใหญ่ผู้หนึ่งในบิสชอปริกแห่งหนึ่ง และถ้าไม่มีตัวผู้บัญชาการในมิซซังนั้น เป็นผู้แทนบริษัทของบิสชอปริก ฤา มิซซังเหมือนอย่างบริษัทที่บุคคลรวมกันทำการได้อันหนึ่ง” ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวได้ระบุให้มิซซังมีฐานะเป็นบริษัท ดังนั้นโจทก์จึงเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายซึ่งพระคาร์ดินัลมีชัย กิจบุญชูเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนตามเอกสารหมาย จ.1 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6 ฎีกาว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 65, 66 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ได้ยกเลิกบทบัญญัติในมาตรา 72 เดิม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ทำให้นิติบุคคลประเภทวัดวาอาราม หรือมิซซังโรมันคาธอลิคไม่ถือว่าเป็นนิติบุคคลต่อไปนั้น เห็นว่า ตามบทบัญญัติมาตรา 65, 66แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ไม่ได้บัญญัติให้ยกเลิกมิซซังโรมันคาธอลิคว่า ไม่เป็นนิติบุคคลแต่อย่างใดแต่ได้บัญญัติรับรองไว้ว่านิติบุคคลจะมีขึ้นได้ก็แต่ด้วยอำนาจแห่งประมวลกฎหมายนี้ หรือกฎหมายอื่นและนิติบุคคลย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นภายในขอบแห่งอำนาจหน้าที่ หรือวัตถุประสงค์ดังได้บัญญัติหรือกำหนดไว้ในกฎหมาย ข้อบังคับ หรือตราสารจัดตั้ง เมื่อโจทก์เป็นมิซซังโรมันคาธอลิคเป็นนิติบุคคลอยู่ก่อนแล้วตามพระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณะฐานะของวัดบาดหลวงโรมันคาธอลิคในกรุงสยามตามกฎหมาย ร.ศ. 128 ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษยังใช้บังคับจนปัจจุบันนี้พระราชบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นกฎหมายอื่นฉบับหนึ่งตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 65 โจทก์จึงย่อมมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายอยู่ต่อไป”
พิพากษายืน

Share