แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะลูกหนี้ให้ชำระหนี้ จำเลยจะใช้สิทธิเรียกร้องของห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งจำเลยเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย ขึ้นฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระหนี้แก่จำเลยเป็นส่วนตัวไม่ได้ ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียง (ย่งเส็ง) ทำสัญญาไว้กับโจทก์ ในการที่โจทก์นำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจำนองต่อธนาคารแห่งประเทศจีน จำกัด สาขากรุงเทพ ฯ ในการทำเลตเตอร์ออฟการันตีและทรัสรีซีทป์ เพื่อเป็นประกันแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียง แล้วจำเลยกับห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียงจะจัดการชำระบัญชีกับธนาคารแห่งประเทศจีน จำกัด สาขากรุงเทพ ฯ เพื่อให้โจทก์ได้ไถ่การจำนอง ถ้าผิดสัญญา จำเลยและห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียงยินยอมโอนสิทธิการเช่าตึกแถวเลขที่ 580-582 ถนนทรงวาด จังหวัดพระนคร ให้โจทก์ทันที และยอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 700,000 บาท ระหว่างสัญญาจำนองได้ตกลงให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่โจทก์ทุกเดือน ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้อง
เมื่อเบิกเงินเกินบัญชีแล้ว จำเลยและห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียงมิได้จัดการชำระบัญชีตามสัญญา ธนาคาร ฯ มีหนังสือบอกกล่าวการบังคับจำนองให้โจทก์ทราบ เป็นเงิน 2,538,401.96 บาท โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยแจ้งว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดในหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียง เพราะจำเลยเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด และต่อมาโจทก์ต้องขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้แก่ธนาคาร
เนื่องจากหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียงตาย ห้างหุ้นส่วนไม่ได้จดทะเบียนเลิก และเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างจึงเลิกไปโดยปริยาย ขอให้จำเลยชดใช้เงินที่โจทก์ชำระหนี้จำนองไป 250,000 บาท ค่าเสียหาย 700,000 บาท และให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าตึกแถวให้โจทก์ ถ้าโอนไม่ได้ให้ใช้เงิน 300,000 บาท และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี คิดจากเงินต้น 250,000 บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย เพราะคู่สัญญากับโจทก์คือห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียง จำเลยลงนามในฐานะหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียงเป็นการรับรู้เท่านั้น สัญญาดังกล่าวยกเลิกไปแล้วจำเลยหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียงหาต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่ สำหรับค่าเสียหาย 700,000 บาท สิทธิการเช่าตึกแถวเป็นบุคคลสิทธิบุคคลภายนอกเป็นเจ้าของให้จำเลยเช่า ผู้ให้จำเลยเช่าจะไม่ยอมโอนการเช่าให้โจทก์โดยเด็ดขาด มูลค่าแห่งสิทธิในการเช่าก็ไม่มี จำเลยไม่เคยตกลงในมูลค่าตามฟ้องและสิทธิในการเช่าไม่อาจตีราคาได้ดังโจทก์เรียกร้อง
ระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียงดำเนินการค้า โจทก์ได้ก่อตั้งและดำเนินการค้าในนามห้างหุ้นส่วนจำกัดเทพพิทักษ์ ห้างทั้งสองมีบัญชีเดินสะพัดระหว่างกัน เมื่อหักกลบลบกันแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัดเทพพิทักษ์และโจทก์เป็นลูกหนี้ห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียงอยู่ 594,651.83 บาท กับดอกเบี้ย รวมเป็นเงิน 870,941.41 บาท ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องและจำเลยขอใช้สิทธิของห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียง ขอให้ศาลหักเงินตามคำให้การและฟ้องแย้งจำนวน 870,941.41 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีในเงินต้น 594,651.83 บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะหักบัญชีกันจากหนี้ที่จำเลยมีหน้าที่จะต้องชำระให้แก่โจทก์ ถ้ามีเงินเหลือก็ให้โจทก์ชำระให้จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การ ส่วนฟ้องแย้ง เห็นว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดเป็นส่วนตัว แม้ฟ้องแย้งจะอ้างว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดเทพพิทักษ์ ก็เป็นเรื่องระหว่างนิติบุคคลท้ายฟ้อง ไม่เกี่ยวกับโจทก์จำเลย รวมตลอดถึงการหักกลบลบหนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งไว้พิจารณา
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องแย้ง จำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นลูกหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียงโดยตรง แต่เรียกร้องให้โจทก์ชำระหนี้แก่จำเลยเป็นส่วนตัว จำเลยจึงจะใช้สิทธิเรียกร้องของห้างหุ้นส่วนจำกัดจินเซ่งเชียงฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระหนี้แก่จำเลยไม่ได้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
พิพากษากลับ ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น