คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้จะมีทางออกทางอื่นได้แล้ว ก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป
การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีกฎหมายใดให้ถือว่า ถ้าไม่มีปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน หรือ ส.ค. 1 หรือ น.ส. 3 แล้วรับฟังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้ล้อมรั้วปิดทางเดิน และจำเลยที่ ๒ ปลูกยุ้งข้าวล้ำเข้ามาในทางซึ่งโจทก์ใช้ออกสู่ถนนใหญ่มากว่า ๒๐ ปีแล้ว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองให้เปิดทางเดินและรื้อยุ้งข้าวออกไป
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ได้ใช้ทางเดินตามฟ้องออกสู่ถนนใหญ่ทางไม่มีและเป็นที่ของจำเลย จำเลยที่ ๑ ถูกนายหล้าเจ้าของเดิมซึ่งขายที่ให้โจทก์ฟ้องหาว่าละเมิดภารจำยอม ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โจทก์มาฟ้องขอให้ จำเลยเปิดทางเพราะนายหล้ายุ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า มีทางภารจำยอมให้จำเลยทั้งสองร่วมกันเปิดทางพิพาทและรื้อถอนยุ้งข้าวออก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีของโจทก์เองและเป็นการฟ้องอ้างภารจำยอมสำหรับที่ดินของโจทก์เอง ไม่ได้ฟ้องแทนนายหล้า และไม่ใช่เป็นการอ้างภารจำยอมสำหรับที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินของนายหล้า ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้มีทางออกทางอื่นได้แล้ว ก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทาง ภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป จำเลย ปิดทางภารจำยอมที่โจทก์เคยใช้ทางเดิน การที่จำเลยปิดทางภารจำยอมเช่นนี้ ย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยอ้างว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายไม่ได้ การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีบทกฎหมายใดให้ถือว่าถ้าไม่ปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินหรือ ส.ค.๑ หรือ น.ส.๓ แล้วรับฟังไม่ได้
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย.

Share