คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8002/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 มิใช่ผู้จัดการมรดกแต่เป็นผู้สืบสิทธิของทายาทและถูกฟ้องขอให้แบ่งมรดกย่อมเป็นคดีมรดก อันมีอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 มิใช่เป็นคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกอันมีอายุความ 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1733 วรรคสอง และข้อเท็จจริงแห่งคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ไม่ได้ครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกของ ป. ไว้แทนทายาทเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 เพื่อขอแบ่งมรดกเกินกว่า 10 ปี นับแต่เมื่อเจ้ามรดกตาย ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคสี่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งเก้าไปจดทะเบียนเพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1644 และ 1648 ตำบลหนองสรวง อำเภอขามทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ฉบับลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2532 หากจำเลยทั้งเก้าไม่ไปจดทะเบียนการโอนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งเก้า ให้จำเลยทั้งเก้าส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกเพื่อมาแบ่งให้โจทก์และทายาทคนอื่นๆ ต่อไป ให้จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้งสองแปลงให้แก่โจทก์และทายาทตามสัดส่วนแปลงแรกคนละประมาณ 5 ไร่ แปลงที่ 2 คนละประมาณ 3 งานเศษ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของนายเป้าและได้โอนทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 โดยก่อนหน้านี้ได้ตกลงกันให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ครอบครองไว้แทนทายาท จำเลยที่ 1 พร้อมที่จะโอนทรัพย์มรดกของนายเป้าให้แก่โจทก์และทายาทของนายเป้า
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่โจทก์ทราบการจดทะเบียนนิติกรรมที่ดินพิพาทแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ต่อไปว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ประเด็นนี้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ จึงไม่มีประเด็นพิพาทนี้ในส่วนของจำเลยที่ 1 สำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ปรากฏว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเป้าจัดการทำนิติกรรมโอนที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนายเป้าเจ้ามรดกให้แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 โดยไม่ชอบ ทำให้ทายาทอื่นของนายเป้า รวมทั้งโจทก์เสียเปรียบขอให้เพิกถอนนิติกรรมและส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทคืนแก่กองมรดกของนายเป้าเพื่อนำออกแบ่งให้โจทก์และทายาทโดยธรรมของนายเป้าต่อไปจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เพราะโจทก์ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่โจทก์ทราบการจดทะเบียนนิติกรรมที่ดินพิพาท อันเป็นอายุความฟ้องในคดีมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 มิใช่ผู้จัดการมรดกแต่เป็นผู้สืบสิทธิของทายาทและถูกฟ้องขอให้แบ่งมรดก ย่อมเป็นคดีมรดก อันมีอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 มิใช่เป็นคดีเกี่ยวกับการจัดมรดก อันมีอายุความ 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1733 วรรคสอง และข้อเท็จจริงแห่งคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ไม่ได้ครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกของนายเป้าไว้แทนทายาท เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 เพื่อขอแบ่งมรดกเกินกว่า 10 ปี นับแต่เมื่อเจ้ามรดกตาย ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสี่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ”

Share