คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฎีกาของจำเลยที่ว่า การรอการลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 56 เป็นการให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจให้รอการลงโทษได้ มิใช่บังคับศาลว่าไม่สามารถรอการลงโทษได้เลยนั้น เป็นการหยิบยก ป. อ. มาตรา 56 ขึ้นมาอ้างเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ อันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มีลักษณะบิดเบือนให้เป็นข้อกฎหมายตามที่จำเลยกล่าวอ้าง ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยโดยเห็นว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92, 335, 357 เพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสามตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาลักทรัพย์ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (8) วรรคสอง จำคุก 3 ปี เพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ให้ยกฟ้องข้อหารับของโจร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและยังคงให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
ที่จำเลยฎีกาว่า การรอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 เป็นการให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจให้รอการลงโทษได้ มิใช่บังคับศาลว่าไม่สามารถรอการลงโทษได้เลยนั้น เห็นว่า ฎีกาของจำเลยดังกล่าวเป็นการหยิบยกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ขึ้นมาอ้างเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ อันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มีลักษณะบิดเบือนให้เป็นข้อกฎหมายตามที่จำเลยกล่าวอ้าง ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยโดยเห็นว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลย

Share