แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่ามอบฝากเรือมาดไว้ แล้วจำเลยผิดสัญญาขอให้จำเลยคืนเรือหรือใช้ราคาเรือจำเลยสู้ว่าไม่ได้รับฝากแต่เคยซื้อเรือโจทก์เมื่อ พ.ศ.2493 ชำระราคาเสร็จแล้วดังนี้ จึงคงมีประเด็นว่าโจทก์ได้ฝากเรือไว้กับจำเลยแล้วจำเลยผิดสัญญาฝากนั้นจริงหรือไม่เท่านั้น
ในเรื่องสัญญาฝากทรัพย์นั้น ผู้ฝากย่อมมีสิทธิเรียกคืนทรัพย์นั้นจากผู้รับฝากได้เสมอถึงแม้โจทก์จะแถลงรับว่าเรือนั้นเป็นของผู้อื่นก็ไม่มีประเด็นถึงเรื่องโจทก์จะมีกรรมสิทธิในเรือนั้นหรือไม่
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าได้มอบฝากเรือมาด 1 ลำราคา 5,000 บาท แก่จำเลย โจทก์ขอรับเรือคืน จำเลยตกลงซื้อราคา 5,000 บาท จะชำระเงินราคาแต่แล้วก็ไม่ชำระ จึงขอให้คืนเรือหรือราคา จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้รับมอบเรือจากโจทก์เพื่อรักษา ไม่เคยซื้อเรือใน พ.ศ. 2494 แต่เดือน 6 พ.ศ. 2493 เคยซื้อเรือโจทก์ 1 ลำราคา 3,500 บาทชำระเงินหมดแล้ว
ในวันชี้สองสถาน โจทก์แถลงตามที่จำเลยขอให้ศาลสอบว่า เรือมาดเป็นของกรรมการสร้างโรงเรียนหลวงแพ่งแล้วโดยโจทก์ยกให้ ศาลชั้นต้นจึงสั่งงดสืบพยาน พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้พิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องสัญญาฝากทรัพย์ แล้วจำเลยผิดสัญญาจึงขอให้จำเลยคืนเรือหรือใช้ราคาเรือนั้น จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้รับฝากแต่เคยซื้อเรือมาดจากโจทก์ 1 ลำเมื่อ พ.ศ. 2493 ชำระราคาเสร็จแล้ว ประเด็นแห่งคดีอยู่ที่ว่าโจทก์ได้ฝากเรือไว้กับจำเลยแล้วจำเลยผิดสัญญาฝากนั้นจริงหรือไม่ถ้อยคำแถลงรับของโจทก์ตามรายงานพิจารณาลงวันที่ 28 ธันวาคม 2496 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงประเด็นในคดีเป็นอื่นจนถึงกับจะทำให้ยกฟ้องของโจทก์เสียได้ทันที ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมา เพราะในเรื่องสัญญาฝากทรัพย์นั้นผู้ฝากย่อมมีสิทธิเรียกคืนทรัพย์ที่ตนได้ฝากไว้จากผู้รับฝากได้เสมอ ไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ว่าเป็นของผู้ฝากจริงหรือมิใช่ คดีจึงจำต้องฟังข้อเท็จจริงกันต่อไป
จึงพิพากษายืน