คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่า “บุคคลผู้ชำระหนี้ชอบที่จะได้รับใบเสร็จเป็นสำคัญจากผู้รับชำระหนี้” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 326 นั้น เพียงแต่บัญญัติให้สิทธิผู้ชำระหนี้ในอันที่จะเรียกร้องให้ผู้รับชำระหนี้ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้ให้แก่ตนได้เท่านั้น มิได้มีความหมายเลยไปถึงว่า หากไม่มีหลักฐานเช่นที่บัญญัติไว้นั้นแล้ว ผู้ชำระหนี้จะพิสูจน์ถึงการชำระหนี้ไม่ได้เสียเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ตกลงเช่าห้องและชำระเงินกินเปล่าให้จำเลยครบแล้วจนได้ทำสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ต่อมาจำเลยบอกปัดไม่ยอมให้โจทก์เช่า โจทก์จึงเรียกเงินคืน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แต่ชั้นพิจารณา จำเลยนำสืบตัวเองเป็นพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๒๖ ขึ้นโต้เถียงว่า “บุคคลผู้ชำระหนี้ชอบที่จะได้รับใบเสร็จเป็นสำคัญจากผู้รับชำระหนี้” เมื่อโจทก์อ้างว่าได้นำเงินกินเปล่าชำระให้จำเลยตามข้อตกลงครบ ก็ชอบที่จะให้จำเลยออกใบเสร็จรับเงินให้ไว้เป็นหลักฐาน เมื่อไม่มีใบเสร็จรับเงินมาแสดงก็ฟังไม่ได้นั้น กฎหมายบทนี้บัญญัติให้สิทธิผู้ชำระหนี้ในอันที่จะเรียกร้องให้ผู้รับชำระหนี้ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้ให้แก่ตนได้เท่านั้น มิได้มีความหมายเลยไปถึงว่า หากไม่มีหลักฐานเช่นที่บัญญัติไว้นั้นแล้ว ผู้ชำระหนี้จะพิสูจน์ถึงการชำระหนี้ไม่ได้เสียเลย บทบัญญัติของมาตรา ๓๒๖ ไม่ได้ห้ามไม่ให้ศาลฟังดังเช่นมาตรา ๖๕๓ วรรค ๒ พิพากษายืน

Share