คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7992/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยร่วมกันทำไม้ ร่วมกันเข้าทำประโยชน์โดยตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ร่วมกันแปรรูปไม้โดยกระทำความผิดในเขตป่าสงวนแห่งชาติและภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติและร่วมกันมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ กับมีคำขอท้ายฟ้องให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ เมื่อจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องการกระทำของจำเลยกับพวกย่อมเป็นความผิดต่อกฎหมายทั้งสองฉบับซึ่งฐานความผิดตามฟ้องเป็นความผิดที่ผู้กระทำมีเจตนาต่างกัน และเป็นการกระทำที่มุ่งประสงค์ให้มีผลต่างกรรมกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 5, 7, 48, 73, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 4, 14, 31, 35 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 83 ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 (ที่ถูกมาตรา 48 วรรคหนึ่ง), 73 วรรคหนึ่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, 31 วรรคหนึ่งประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 เรียงกระทงลงโทษฐานร่วมกันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ6 เดือน ฐานร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันแปรรูปไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกคนละ 6 เดือน และฐานร่วมกันมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุกคนละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 2 ปี จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ริบของกลาง ส่วนคำขอของโจทก์ที่ให้จ่ายเงินสินบนนำจับเนื่องจากศาลไม่ได้ปรับจำเลย คำขอในส่วนนี้จึงให้ยก

จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลยว่า จำเลยร่วมกันทำไม้ ร่วมกันเข้าทำประโยชน์โดยตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ร่วมกันแปรรูปไม้โดยกระทำความผิดในเขตป่าสงวนแห่งชาติและภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติและร่วมกันมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ กับมีคำขอท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48,73 และ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, 31เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้อง การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ย่อมเป็นความผิดต่อกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวซึ่งฐานความผิดตามฟ้องเป็นความผิดที่ผู้กระทำมีเจตนาต่างกันเป็นการกระทำที่มุ่งประสงค์ให้มีผลต่างกรรมกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ที่ศาลล่างทั้งสองพิจารณาพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3ร่วมกันกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามฟ้อง และลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดรวม 4 กระทงนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share