คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7982/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีสืบเนื่องมาจาก ก. เป็นโจทก์ฟ้อง บ. ให้ออกจากบ้านพิพาท ในระหว่างพิจารณา บ. ถึงแก่กรรม ศาลอนุญาตให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ครอบครองบ้านพิพาทเข้าเป็นคู่ความแทน บ. แม้ต่อมาศาลฎีกาจะยกฟ้องคดีดังกล่าวและผลแห่งคำพิพากษาย่อมผูกพันคู่ความ แต่ไม่ได้ทำให้โจทก์ได้สิทธิในบ้านพิพาทแทน บ. โจทก์เป็นเพียงผู้เข้าแทนที่คู่ความผู้มรณะคือ บ. มีหน้าที่ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแทน บ. ในระหว่างพิจารณาเท่านั้น โจทก์มิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าว เมื่อโจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้โดยมิได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิในบ้านพิพาทนอกเหนือจากการที่โจทก์เข้าเป็นคู่ความแทนที่ บ. อย่างไร โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
โจทก์นำสืบว่า ก่อน บ. ถึงแก่กรรม บ. ได้ยกบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ด้วยวาจา โจทก์มิได้บรรยายฟ้องเรื่องนี้ไว้ แม้ศาลชั้นต้นจะให้โจทก์นำสืบประเด็นดังกล่าวและศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นนี้ไว้ด้วยก็ตาม ก็ไม่ทำให้เกิดเป็นประเด็นนี้ขึ้น เพราะเป็นเรื่องนำสืบนอกฟ้องและถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากบ้านพิพาท และส่งมอบบ้านพิพาทแก่โจทก์ ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากบ้านพิพาทและคืนบ้านพิพาทแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของบ้านพิพาทหรือมีสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดในบ้านพิพาทที่จะมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรม นางสุทา นกน้อย ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อปี 2534 นางกิมใส เป็นโจทก์ฟ้องนายบุญส่ง ให้ออกจากบ้านพิพาท ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1443/2534 ของศาลชั้นต้น ในระหว่างพิจารณานายบุญส่งถึงแก่กรรมศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ครอบครองบ้านพิพาทเข้าเป็นคู่ความแทนนายบุญส่ง คดีดังกล่าวศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฟ้อง โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองบ้านพิพาท โจทก์จึงเข้ารับมรดกความแทนนายบุญส่ง เมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฟ้อง โจทก์จึงมีสิทธิโดยชอบที่จะครอบครองบ้านพิพาท จำเลยเข้าครอบครองบ้านพิพาทแทนโจทก์ โจทก์แจ้งให้จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาทแล้วจำเลยไม่ยอมออก ทำให้โจทก์เสียหาย ดังนี้โจทก์เป็นเพียงผู้เข้าแทนที่คู่ความผู้มรณะคือ นายบุญส่งมีหน้าที่ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแทนนายบุญส่งในระหว่างพิจารณาเท่านั้น โจทก์มิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวด้วย โดยในคดีข้างต้นศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บ้านของนายบุญส่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่ดินของนางกิมใส นางกิมใสจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ผลแห่งคำพิพากษาย่อมผูกพันคู่ความแต่ไม่ได้ทำให้โจทก์ได้สิทธิในบ้านพิพาทแทนนายบุญส่งไปด้วย เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิในบ้านพิพาทนอกเหนือจากการที่โจทก์เข้าเป็นคู่ความแทนที่นายบุญส่งอย่างไร โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ส่วนที่โจทก์นำสืบว่า ก่อนนายบุญส่งถึงแก่กรรม นายบุญส่งได้ยกบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ด้วยวาจานั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องเรื่องนี้ไว้ แม้ศาลชั้นต้นจะให้โจทก์นำสืบในประเด็นดังกล่าวและศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นนี้ไว้ด้วยก็ตาม ก็ไม่ทำให้เกิดเป็นประเด็นนี้ขึ้น เพราะเป็นการนำสืบนอกฟ้อง และถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share