คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6055/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหกดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนรับผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนและให้เพิกถอนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2543 และครั้งที่ 2/2543 โดยมิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายแต่อย่างใด การที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะโจทก์เสียโอกาสได้รับการจัดสรรซื้อหุ้นเพิ่มทุนซึ่งโจทก์มีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งหกชำระค่าเสียหายจำนวน 90,000,000 บาท ดั้งนี้เป็นการขอเพิ่มข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและขอบังคับนอกเหนือไปจากคำฟ้องเดิม มิใช่เป็นกรณีที่เพิ่มจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในฟ้องเดิมหรือเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 179 ทั้งมิใช่การแก้ไขเล็กน้อย การแก้ไขคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบที่จะกระทำได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหกดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนรับผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นฉบับลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ซึ่งเข้าเป็นผู้ถือหุ้นภายหลังวันที่มีมติให้เพิ่มทุนและภายหลังวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๒ ซึ่งคณะกรรมการของจำเลยที่ ๑ มีมติให้จัดสรรเพิ่มทุนทั้งหมด ให้เพิกถอนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ ๑/๒๕๔๓ ในการลงมติแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่และในการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน ๑๘,๗๕๐,๐๐๐ หุ้น ให้เพิกถอนมติที่ประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๔๓ ซึ่งมีมติยืนยันมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ ๑/๒๕๔๓ ให้เป็นมติพิเศษให้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับบริษัท หากจำเลยทั้งหกไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลแทนการแสดงเจตนา
ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องฉบับลงวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๓ ว่า การกระทำของจำเลยทั้งหกเป็นเหตุให้โจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมได้รับความเสียหายเพราะโจทก์เสียโอกาสได้รับการจัดสรรซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคาหุ้นที่เป็นธรรม ซึ่งโจทก์มีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้จำนวน ๙,๒๙๙,๙๙๐ หุ้น ในราคาหุ้นละ ๑๐ บาท เป็นเงินค่าเสียหายทั้งสิ้น ๙๒,๙๙๙,๙๐๐ บาท แต่โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเพียง ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ขอแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนทุนทรัพย์เป็น ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเพิ่มเติมคำขอบังคับท้ายฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ากรณีตามคำร้องมิใช่เป็นกรณีเป็นการเพิ่มจำนวนทุนทรัพย์และมิใช่เป็นการเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ ไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้อง ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจขอแก้ไขคำฟ้องได้หรือไม่ เห็นว่า คำฟ้องเดิม โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งหกได้ทำการโต้แย้งสิทธิโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยทั้งหกได้ร่วมกันจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของจำเลยที่ ๑ จำนวน ๒๒๗,๘๙๔,๘๔๕ หุ้น ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีสิทธิและจดทะเบียนรับผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นผู้ถือหุ้นใหม่ของจำเลยที่ ๑ อันเป็นการขัดต่อข้อบังคับของบริษัท และจำเลยทั้งหกยังได้จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ ๑/๒๕๔๓ โดยลงมติแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่แทนกรรมการชุดเก่าขัดต่อข้อบังคับกับมีมติจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจำนวน ๑๘,๗๕๐,๐๐๐ หุ้น ให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิ รวมทั้งจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ ๒/๒๕๔๓ ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัท ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว กับให้เพิกถอนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ ๑/๒๕๔๓ และครั้งที่ ๒/๒๕๔๓ ซึ่งตามคำฟ้องเดิมโจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะโจทก์ไม่ได้รับการจัดสรรซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนที่ถือหุ้นเดิมอยู่จำนวน ๙,๒๙๙,๙๙๐ หุ้น เป็นเงินค่าเสียหายทั้งสิ้น ๙๒,๙๙๙,๙๐๐ บาท แต่อย่างใด ดังนั้นที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องว่า การกระทำของจำเลยทั้งหกเป็นเหตุให้โจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมได้รับความเสียหาย เพราะโจทก์เสียโอกาสได้รับการจัดสรรซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคาที่เป็นธรรม ซึ่งโจทก์จะมีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้จำนวน ๙,๒๙๙,๙๐๐ หุ้น ในราคาหุ้นละ ๑๐ บาท เป็นเงินค่าเสียหายทั้งสิ้น ๙๒,๙๙๙,๙๐๐ บาท แต่โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเพียง ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท จึงเป็นการขอเพิ่มข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและขอบังคับนอกเหนือไปจากคำฟ้องเดิม มิใช่เป็นกรณีที่เพิ่มจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในฟ้องเดิมหรือเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๙ (๑) (๒) ทั้งมิใช่การแก้ไขเล็กน้อย การแก้ไขคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบที่จะกระทำได้ ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องของโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share