แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ยื่นอุทธรณ์ศาลชั้นต้นเพียงแต่สั่งรับอุทธรณ์ส่งสำเนาอีกฝ่ายเพื่อแก้ แต่มิได้กำหนดวันให้ผู้อุทธรณ์จัดการส่ง เมื่อปรากฎว่าผู้อุทธรณ์ไม่นำเจ้าหนักงานศาลส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเกินกำหนด 15 วัน ไป 6 วัน นับแต่วันศาลสั่งรับอุทธรณ์นั้น ยังไม่พอถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์อันถึงกับจะให้จำหน่างคดี
ส่วนกำหนดระยะเวลา 15 วัน ที่บัญญัติไว้ใน ม. 174 ข้อ 1 นั้น หมายความเฉพาะในชั้นยื่นฟ้องและขอหมายเรียกให้จำเลยแก้คดีเท่านั้น
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อ ๘ กันยายน ๒๔๙๗ ว่า “รับอุทธรณ์ส่งสำเนาอีกฝ่ายเพื่อแก้ ” แต่จำเลยมิได้จัดการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ภายใน ๑๕ วัน จนถึงวันที่ ๒๙ ก.ย. ๒๔๙๗ จำเลยจึงมาขอนำเจ้าพนักงานศาลเพื่อส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทิ้งฟ้องจึงส่งสำเนาในศาลอุทธรณ์เพื่อมีคำสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.แพ่ง ม. ๑๗๔,๒๔๖ จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตาม ม. ๑๓๒ อ้างฎีกาที่ ๑๒๕๓/๒๔๙๔
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าในเรื่องทิ้งฟ้องนี้ ป.วิ.แพ่ง ม. ๑๗๕ บัญญัติไว้เป็น ๒ ข้อ ความในข้อ ๑ นั้นหมายความว่า เมื่อโจทก์เสนอคำฟ้องแล้วเพิกเฉยไม่ขอให้ส่งหมายเรียกให้จำเลยแก้คดี ฯลฯภายใน ๑๕ วัน ให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องส่วนความในข้อ ๒ นั้น เมื่อโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้น ฯลฯ จึงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง
กรณีจำเลยอื่นอุทธรณ์เช่นนี้ ย่อมเป็นหน้าที่จำเลยจะขอหมายนัดส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ แต่ในคำสั่งศาลชั้นต้นมิได้กำหนดวันให้จำเลยมาจัดการดำเนินคดีคือขอหมายนัดส่งสำเนาอุทธรณ์ ฉะนั้นการที่จำเลยมาขอหมายนัดภายหลังที่ศาลมีคำสั่งเพียง ๒๐ วัน จึงไม่เป็นเหตุพอให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง เพราะในคำสั่งศาลมิได้กำหนดวันให้จำเลยต้องปฏิบัติไว้ ส่วนกำหนด ๑๕ วันตามที่บัญญัติไว้ในข้อ ๑ นั้น หมายความฉะเพาะในชั้นอื่นฟ้องและขอหมายเรียกให้จำเลยแก้คดีเท่านั้น จะนำมาใช้ในกรณีนี้ไม่ได้
จึงพิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป