แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่ธนาคารฟ้องโจทก์กับจำเลยคดีนี้แม้โจทก์กับจำเลยคดีนี้จะเป็นจำเลยด้วยกันในคดีดังกล่าวก็ตามก็ต้องถือว่าโจทก์กับจำเลยเป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลในคดีก่อนด้วยคำพิพากษาในคดีก่อนจึงมีผลผูกพันโจทก์กับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันและจำนองทรัพย์สินเพื่อเป็นประกันหนี้อันจำเลยต้องชำระ ต่อมาจำเลยไม่ยอมชำระหนี้ดังกล่าว ธนาคารแหลมทอง จำกัด จึงฟ้องจำเลยกับโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันและจำนองต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยร่วมกันชำระเงินตามเช็ค 5 ฉบับ รวม 500,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันที่ลงในเช็คแต่ละฉบับดังกล่าวซึ่งคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว จำเลยมิได้ชำระหนี้แก่ธนาคารแหลมทองจำกัด ตามคำพิพากษาดังกล่าว ธนาคารแหลมทอง จำกัดได้บังคับคดียึดที่ดินจำนองเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ โจทก์จึงชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวให้แก่ธนาคารแหลมทอง จำกัดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2531 เป็นจำนวนเงิน 667,435 บาทจำเลยจึงมีหน้าที่ต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าวคืนแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน2531 จนกว่าจะชำระเสร็จ โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน683,425 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินจำนวน 667,437 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ยังมิได้ชำระหนี้ให้แก่ธนาคารแหลมทองจำกัด จึงยังไม่เกิดสิทธิไล่เบี้ยจากจำเลย ฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริงความจริงนั้นโจทก์มีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวน 1,650,000 บาทและประสงค์จะขอสินเชื่อจากธนาคารแหลมทอง จำกัด สาขาหัวหมากแต่นายชัชวาลย์ บุญธนาพิบูลย์ ผู้จัดการธนาคารดังกล่าวมีอำนาจปล่อยสินเชื่อได้รายละไม่เกิน 500,000 บาท โจทก์และนายชัชวาลย์จึงหาวิธีเพื่อให้โจทก์ได้รับสินเชื่อถึงจำนวน 1,650,000 บาทโดยการใช้บุคคลหลายคนให้แต่ละคนขอสินเชื่อไม่เกิน คน ละ 500,000 บาท โจทก์ ขอ สินเชื่อโจทก์ขอสินเชื่อในนามตนเองเป็นรายที่หนึ่ง นอกนั้นโจทก์ขอร้องจำเลย นางอภิธาน พินิจอักษร และนายธนนันท์ นารถภักดีช่วยขอสินเชื่ออีกคนละราย เมื่อรวมกันแล้วจึงได้ยอดสินเชื่อประเภทขายลดเช็คจำนวน 1,650,000 บาท โดยมีโจทก์เป็นผู้ค้ำประกันโจทก์เป็นผู้ดำเนินการนำเช็คของโจทก์ จำเลย นางอภิรามและนายธนนันท์ไปขายลดเช็คแก่ธนาคารดังกล่าวด้วยวิธีหมุนเวียนสับเปลี่ยนโดยเอาเช็คบุคคลหนึ่งไปขายในบัญชีอีกบุคคลหนึ่งในระหว่างบุคคลทั้งสี่ดังกล่าว ด้วยความร่วมมือจากนายชัชวาลย์ตลอดมาเงินที่ขายลดเช็คได้ทั้งหมดรวมทั้งหนี้ที่เกิดจากเช็คที่นำไปขายลด โจทก์เป็นผู้รับและชำระเองทั้งสิ้น จำเลยนายอภิราม และนายธนนันท์ ไม่เคยได้รับประโยชน์ใด ๆ เลยการที่จำเลย นายอภิราม และนายธนนันท์นำเช็คไปขายให้แก่ธนาคารดังกล่าวนั้น จึงเป็นเรื่องถูกโจทก์ยืมไปขายลดเช็คแทนเท่านั้นโจทก์จึงมิใช่อยู่ในฐานะผู้ค้ำประกันที่จะไล่เบี้ยจากจำเลยได้ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 667,435 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2531 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 15,990 บาท เท่าที่โจทก์ขอ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังยุติว่าเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2526 โจทก์ทำสัญญาจำนองเพื่อประกันหนี้ของโจทก์และหรือของจำเลยที่มีอยู่แล้ว หรือจะมีขึ้นต่อไปภายหน้าให้ไว้แก่ธนาคารแหลมทอง จำกัด ในวงเงิน 500,000 บาท จ.3ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2528 จำเลยได้ทำสัญญาขายลดเช็คแก่ธนาคารดังกล่าวในวงเงิน 500,000 บาท โดยมีโจทก์เป็นผู้ค้ำประกันภายหลังต่อมาจำเลยได้นำเช็คจำนวน 5 ฉบับ รวมเป็นเงิน 500,000 บาทไปขายลดเช็คให้แก่ธนาคารแหลมทอง จำกัด เมื่อเช็คถึงกำหนดธนาคารแหลมทอง จำกัด เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้จึงได้ฟ้องจำเลยกับโจทก์ให้ชำระเงินตามเช็ค หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้จนครบทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยกับโจทก์ร่วมกันชำระเงินให้แก่ธนาคารแหลมทอง จำกัด รวม 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ลงในเช็คแต่ละฉบับดังกล่าว หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 6357/2531ของศาลชั้นต้น คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่ธนาคารแหลมทอง จำกัด ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน667,435 บาท แล้วมาฟ้องจำเลยให้ชดใช้เงินคืนโจทก์เป็นคดีนี้
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า การทำสัญญาขายลดเช็คและนำเช็คไปขายลด จำเลยทำแทนโจทก์ จำเลยมิได้รับเงินตามเช็คแต่โจทก์เป็นผู้รับเงินไปนั้น เห็นว่า คดีที่ธนาคารแหลมทอง จำกัดฟ้องโจทก์กับจำเลยคดีนี้ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 6357/2531ของศาลชั้นต้น แม้โจทก์กับจำเลยคดีนี้จะเป็นจำเลยด้วยกันในคดีดังกล่าวก็ตาม ก็ต้องถือว่าโจทก์กับจำเลยเป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลในคดีก่อนด้วย คำพิพากษาในคดีก่อนจึงมีผลผูกพันโจทก์กับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่า จำเลยนำเช็คมาทำสัญญาขายลดเช็คแก่ธนาคารแหลมทอง จำกัด จำเลยจะอ้างว่าหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คมิใช่หนี้ของจำเลยหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้ดังกล่าวแทนจำเลยไปแล้วโจทก์ย่อมได้รับช่วงสิทธิจากธนาคารแหลมทอง จำกัด เจ้าหนี้ฟ้องไล่เบี้ยเอาจากจำเลยได้
พิพากษายืน