คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7966/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ตามคำพิพากษาซึ่งผู้ร้องในฐานะโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดคดีนี้เมื่อมีการจำนองเป็นประกัน แต่ผู้ร้องได้เลือกใช้สิทธิฟ้องจำเลยให้รับผิดในหนี้ที่มีประกันอย่างเจ้าหนี้สามัญ มิได้ใช้สิทธิบังคับจำนองเอาแก่ที่ดินอันเป็น หลักประกันที่จำเลยจำนองไว้แก่ผู้ร้องด้วย แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่ผู้ร้อง ผู้ร้องก็เพียงอยู่ในฐานะเจ้าหนี้สามัญตามคำพิพากษาเท่านั้น การที่ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้จากที่ดินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดี ได้ยึดไว้โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 289 จึงเป็นเรื่องที่ผู้ร้องประสงค์ จะให้ตนได้รับชำระหนี้จากที่ดินจำนองของจำเลยอันเป็นหลักประกันนอกเหนือไปจากการใช้สิทธิบังคับคดีตาม คำพิพากษาของศาลอย่างเจ้าหนี้สามัญ คำร้องที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองย่อมมีผลเป็นคำฟ้องขอให้บังคับจำนอง ซึ่งผู้ร้องจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ. ข้อ (1) (ค)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 35,893,352.34 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 28,772,066.55 บาท นับถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยซึ่งจำนองแก่ผู้ร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้นั้น จำเลยได้นำมาจดทะเบียนจำนองประกันหนี้ที่มีต่อผู้ร้องตามสัญญายืม ตั๋วเงิน ซึ่งผู้ร้องได้เป็นโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นได้มี คำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวแก่ผู้ร้องเป็นคดีนี้แล้ว ผู้ร้องจึงชอบที่จะได้รับเงินที่ได้จากการขายหรือจำหน่าย ที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนอง ขอให้มีคำสั่งให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น หากโจทก์ถอนการบังคับคดีหรือสละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่บังคับคดี ผู้ร้องขอสวมสิทธิในการบังคับคดีต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ข้อ (1) (ค) ท้าย ป.วิ.พ. ผู้ร้องได้นำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระจากที่เสียเป็นค่าคำร้อง 20 บาท เพิ่มเป็น 100,000 บาท ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่น
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลเพิ่มซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนี้ตามคำพิพากษาซึ่งผู้ร้องในฐานะโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดคดีนี้เมื่อมีการจำนอง เป็นประกัน แต่ผู้ร้องได้เลือกใช้สิทธิฟ้องจำเลยให้รับผิดในหนี้ที่มีประกันอย่างเจ้าหนี้สามัญ มิได้ใช้สิทธิบังคับจำนองเอาแก่ที่ดินอันเป็นหลักประกันที่จำเลยจำนองไว้แก่ผู้ร้องด้วย แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่ผู้ร้อง ผู้ร้องก็เพียงอยู่ในฐานะเจ้าหนี้สามัญตามคำพิพากษาเท่านั้น การที่ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้จากที่ดินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 289 จึงเป็นเรื่องที่ผู้ร้องประสงค์จะให้ตนได้รับชำระหนี้จากที่ดินจำนองของจำเลยอันเป็นหลักประกันนอกเหนือไปจากการใช้สิทธิบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลอย่างเจ้าหนี้สามัญ คำร้องที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองย่อมมีผลเป็นคำฟ้องขอให้บังคับจำนอง ซึ่งผู้ร้องจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ. ข้อ (1) (ค) ที่บัญญัติให้เรียกค่าขึ้นศาลโดยอัตราเรื่องละหนึ่งบาทต่อทุกหนึ่งร้อยบาทตามจำนวนหนี้ที่เรียกร้อง แต่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท มิใช่เสียแต่เพียงค่าคำร้อง 20 บาท อย่างเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษา ดังนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลในการขอรับชำระหนี้จำนองเพิ่มเป็น 100,000 บาทชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share