คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2472

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปลูกสร้างโรงเรือนลงไปในที่ ๆ ตนรู้ว่ายังไม่มีกรรมสิทธิ จะเรียกเอาค่าที่ปลูกสร้างแก่เจ้าของที่ดินไม่ได้เอาที่ดินเปนประกันเงินกู้โดยไม่ไปทำให้ถูกต้องตามกฎหมายแลทำสัญญากันเองว่าถ้าไม่ใช้เงินภายใน 1 ปีให้ที่เปนสิทธิแก่เจ้าของเงินนั้น เมื่อผู้กู้ไม่ใช้ตามกำหนด เจ้าของเงินจะเอาที่เปนกรรมสิทธิไม่ได้

ย่อยาว

เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๔๖๙ โจทก์ทำสัญญากู้เงินจำเลยไป ๓๔ บาท แลมอบที่บ้านที่สวนให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย มีข้อสัญญาว่าจะใช้เงินให้ภายใน ๑ ปี ถ้าไม่ใช้ยอมให้ยอมให้ฟ้องร้องแลยอมยกที่สวนให้จำเลยด้วยเมื่อครบกำหนดสัญญาหาได้มีการใช้เงินแก่กันไม่ จนถึงเวลาฟ้องร้องคดีนี้ได้ ๕ – ๖ ปีแล้ว แลจำเลยได้ปลูกต้นไม้กับเรือนแลยังเข้าลงในที่นั้นคิดเปนเงิน ๕๐๐ บาทดังนี้ มีปัญหาว่าโจทก์จะเอาที่คืนจะต้องใช้ค่าเสียหายให้จำเลยหรือไม่
ศาลเดิมตัดสินว่าถ้าโจทก์จะเอาที่คืนก็ให้ใช้ค่าเสียหายให้จำเลย ๕๐๐ กับค่าไถ่ ๓๔ บาท หรือถ้าโจทก์จะแบ่งขายที่ตอนปลูกเรือนแลยุ้งเข้าให้จำเลยโดยคิดค่าที่เอาตามส่วนก็ได้ แล้วแต่โจทก์จะเลือกปฏิบัติ
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ต้องใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย เพราะเปนความผิดของจำเลยเองที่ปลูกสร้างสิ่งของลงไปในที่ ๆ ตนทราบดีแล้วว่ายังไม่เปนสิทธิของตน แลสัญญานั้นก็เปนสัญญากู้ธรรมดานั่นเอง ถึงแม้ในตอนท้ายจะมีข้อความว่า “โจทก์ยอมยกที่สวนให้แก่จำเลยด้วย” ก็ดีก็ไม่ทำให้จำเลยผู้เปนเจ้าหนี้มีอำนาจยึดที่ดินรายนี้เปนสิทธิได้ จึงให้จำเลยรับเงิน ๓๔ บาทแลคืนที่ให้โจทก์ไป

Share