คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกจ้างขอลากิจไปทำกิจธุระส่วนตัว นายจ้างไม่อนุญาตอ้างว่าอยู่ระหว่างเร่งการผลิต ลูกจ้างจึงหยุดงานไป 1 วันและเมื่อมาทำงานก็ได้ลาป่วยโดยมีใบรับรองแพทย์ประกอบ ดังนี้ แม้จะมิได้ป่วยจริงก็จะถือว่าลูกจ้างมีเจตนากระทำทุจริตต่อนายจ้างยังมิได้ เพราะเป็นเพียงวิธีการอย่างหนึ่งที่จะให้ได้หยุดงานเพื่อไปทำธุรกิจของตนเท่านั้น และเมื่อปรากฏว่าในแผนกที่ลูกจ้างทำงานมีคนงานถึง 80 คน การทำงานล่วงเวลาก็มีลูกจ้างบางคนที่ไม่ทำ ประกอบกับในวันที่ลูกจ้างหยุดงานก็ไม่ปรากฏพฤติการณ์พิเศษใด ๆ ที่เห็นได้ว่าการหยุดงานนั้นนายจ้างจะได้รับความเสียหาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างอีกด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยเลิกจ้างโจทก์อ้างว่าโจทก์ลาป่วยแต่ไปทำธุรกิจส่วนตัวอันเป็นความผิดร้ายแรง ซึ่งไม่เป็นความจริงจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ได้จ่ายค่าชดเชย ขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ได้หยุดงานไปโดยยื่นใบลาอ้างว่าป่วย จำเลยสอบสวนแล้วปรากฏว่าโจทก์ไม่ป่วยจริงแต่หยุดไปเพื่อทำกิจธุระส่วนตัว ถือว่าโจทก์ลาป่วยโดยไม่สุจริต เป็นการแสวงหาประโยชน์จากจำเลยโดยมิชอบเพราะโจทก์ได้รับค่าจ้างในวันลาป่วยนั้นด้วย เป็นการจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ซึ่งจำเลยมีอำนาจที่จะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ค่าเสียหาย และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม แต่ไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่โจทก์หยุดงานไป ๑ วัน และได้ลาป่วยในวันทำงานต่อมาโดยมีใบรับรองแพทย์ประกอบใบลา แต่ความจริงโจทก์มิได้ป่วย ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์ไปทำธุรกิจส่วนตัว โดยโจทก์ได้ขอลากิจกับจำเลยในวันดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยไม่อนุญาตอ้างว่าอยู่ในระหว่างเร่งการผลิตสินค้าให้ทันตามใบสั่งของ ซึ่งก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่เมื่อโจทก์มีกิจธุระก็จะต้องขอลากิจ และเมื่อไม่ได้รับอนุญาตและกิจธุระของโจทก์ก็มีความจำเป็นที่จะต้องไปกระทำให้เสร็จ ก็จำเป็นอยู่เองที่โจทก์จะต้องหยุดงานเพื่อไปทำงานของโจทก์ให้เสร็จแล้วจึงมาลาป่วยย้อนหลังแต่เนื่องจากโจทก์ได้ขอลากิจกับจำเลยไว้แล้วจึงกลัวว่าจำเลยจะไม่อนุญาตการลาป่วยของโจทก์ โจทก์จึงได้นำใบรับรองแพทย์มายื่นประกอบใบลาป่วยด้วย ดังนี้ จะถือว่าโจทก์มีเจตนากระทำการทุจริตต่อนายจ้างยังไม่ได้ เพราะเป็นเพียงวิธีการอย่างหนึ่งที่จะหยุดงานไปเพื่อให้ได้ทำกิจธุระของโจทก์เท่านั้น และจะถือว่าเป็นการจงใจทำให้นายจ้างเสียหายก็ยังไม่ได้ เพราะได้ความจากทางพิจารณาว่าในแผนกที่โจทก์ทำงานมีคนงานอยู่ถึง ๘๐ คน และในการทำงานล่วงเวลาก็มีพนักงานบางคนที่ไม่ทำงานล่วงเวลา ดังนั้น การที่โจทก์หยุดงานไปเพียง ๑ วัน และในวันนั้นไม่ปรากฏพฤติการณ์พิเศษใด ๆ ที่จะเห็นได้ว่าถ้าโจทก์หยุดงานไปในวันนั้นแล้วจำเลยจะได้รับความเสียหาย จึงถือได้ว่าการหยุดงานของโจทก์ในกรณีดังกล่าวไม่เป็นการทุจริตต่อจำเลยและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย
พิพากษายืน.

Share