คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่เช่าซื้อทรัพย์โดยมีข้อสัญญาว่าผู้เช่าซื้อจะระมัดระวังดูแลรักษาทรัพย์นั้นให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยคงเดิม การชำรุดเสียหายเป็นหน้าที่ของผู้เช่าซื้อจะต้องซ่อมแซม เมื่อทรัพย์นั้นถูกทำละเมิดให้เสียหาย และผู้เช่าซื้อได้ชำระเงินค่าซ่อมแซมไปแล้ว จึงเป็นผู้เสียหายโดยตรง มีอำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวเกิน 20 วัน โจทก์ต้องรักษาตัว เสียค่ายา ค่ารักษา จึงขอคิดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายรวมทั้งค่าทนทุกข์ทรมาน 5,000 บาท ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม เพราะค่าเสียหายเป็นค่าอะไร เท่าใดเสียให้แก่ใคร เมื่อใด และเพราะเหตุใดนั้น เป็นรายละเอียดซึ่งต้องนำสืบในชั้นพิจารณา(อ้างฎีกาที่ 497/2499)
โจทก์เช่าซื้อรถมาใช้ในครอบครัวระหว่างโจทก์และสามีโจทก์ โดยใช้ไปทำงานด้วยกันโดยสามีโจทก์เป็นผู้ขับ เมื่อจำเลยทำละเมิดทำให้รถดังกล่าวเสียหายต้องเข้าอู่ซ่อม เป็นเหตุให้โจทก์และสามีโจทก์ต้องจ้างรถยนต์รับจ้างไปทำงานและรับแพทย์มารักษาโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวรวมกันมาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ ๑ คัน (ระบุยี่ห้อและเลขทะเบียน) โดยเช่าซื้อมา จำเลยที่ ๑ และ ๓ เป็นเจ้าของรถยนต์คนละคันจำเลยที่ ๒ เป็นลูกจ้างและปฏิบัติการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๑ และ ๒ ได้ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนกัน และรถของจำเลยที่ ๓ กระเด็นมาปะทะรถโจทก์ ทำให้เสียหาย จึงขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน ๑๑,๘๔๙.๕๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันฟ้อง
จำเลยทั้งสามปฏิเสธความรับผิด และต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์ ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน ๙๘๔๙.๕๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันฟ้องแก่โจทก์ แต่ในระหว่างจำเลยด้วยกัน ให้จำเลยที่ ๑ รับผิด ๑ ใน ๓ ส่วน จำเลยที่ ๒ และ ๓ รับผิด ๒ ใน ๓ ส่วน
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยทั้งสามชำระเงิน ๙,๓๔๙.๕๐ บาท และให้แบ่งความรับผิดระหว่างจำเลยที่ ๑ และ จำเลยที่ ๒, ๓ เท่า ๆ กัน
จำเลยที่ ๒ และ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เช่าซื้อรถมาโดยมีข้อสัญญาว่าโจทก์จะระมัดระวังดูแลรักษารถนี้ไว้ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยคงเดิม การชำรุดเสียหายเป็นหน้าที่ของผู้เช่าซื้อจะต้องซ่อมแซม และโจทก์ก็ได้ชำระเงินค่าซ่อมแซมครั้งนี้แล้วโจทก์จึงเป็นผู้เสียหายโดยตรง มีอำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม เพราะค่าเสียหายเป็นค่าอะไรเท่าใด เสียให้แก่ใคร เมื่อใด และเพราะเหตุใด นั้น เป็นรายละเอียดที่ต้องนำสืบกันในเวลาพิจารณาไม่จำต้องกล่าวในฟ้อง อ้างฎีกาที่ ๔๙๗/๒๔๙๙
ส่วนค่าสินไหมทดแทนนั้น ศาลมีอำนาจกำหนดให้ค่ารักษาพยาบาล ค่าทนทุกข์ทรมาน และค่ารถยนต์รับจ้างที่สามีโจทก์ไปทำงานได้ เพราะโจทก์ได้เช่าซื้อรถคันนี้มาใช้ในครอบครัวระหว่างโจทก์และสามีโจทก์ใช้ไปทำงานด้วยกัน โดยสามีโจทก์เป็นผู้ขับ เมื่อจำเลยทำละเมิด ทำให้รถของโจทก์ต้องเข้าอู่ซ่อม เป็นเหตุให้โจทก์และสามีโจทก์ต้องจ้างรถยนต์รับจ้างไปทำงาน รวมทั้งต้องจ้างรถยนต์รับจ้างไปรับแพทย์มารักษาโจทก์ด้วย โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวรวมกันมาได้
พิพากษายืน

Share