แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยผู้เป็นนายจ้างจะมีสิทธิปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรของจำเลยโดยลดจำนวนลูกจ้างลงเพื่อให้ธุรกิจของจำเลย สามารถอยู่ต่อไปได้ก็ตาม แต่เมื่อหน่วยงาน ๆ ในส่วนลูกค้าสัมพันธ์ซึ่งโจทก์เคยรับผิดชอบมิได้ถูกยุบเพียงแต่เปลี่ยนชื่อใหม่ และจำเลยยังได้แต่งตั้งบุคคลอื่นมาดำรงตำแหน่งแทนโจทก์โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทั้ง ๆ ที่โจทก์ไม่เคยปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย แม้จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยจำเลยจ่ายค่าชดเชยและเงินช่วยเหลือพิเศษให้แก่โจทก์ การเลิกจ้างโจทก์ก็เป็นการเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควรอยู่นั่นเอง จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้าง แล้วต่อมาจำเลยอ้างว่าต้องปรับโครงสร้างองค์กรให้เล็กลงและต้องลดจำนวนพนักงานโจทก์ใช้วันหยุดวันลามากจึงจำต้องเลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2538 เป็นต้นไป ข้ออ้างของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นความจริง การกระทำของจำเลยเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ทำให้โจทก์ขาดรายได้ และครอบครัวเดือดร้อนจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โจทก์ขอค่าเสียหายเป็นเงิน7,392,789.22 บาท จากจำเลย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน7,392,789.22 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากจำเลยมีความจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นต่าง ๆ โดยลดอัตรากำลังของลูกจ้างทุกแผนก เพราะต้องปรับโครงสร้างของจำเลยให้เหมาะสมกับปริมาณงาน ตลอดจนเครื่องใช้วัสดุต่าง ๆ เพื่อความอยู่รอดของกิจการจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยจำเลยจ่ายค่าชดเชยและเงินบำเหน็จให้แก่โจทก์แล้ว โดยโจทก์ไม่โต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใดจำเลยมิได้กลั่นแกล้งโจทก์ และจำเลยก็มิได้รับพนักงานใหม่เข้ามาแทนโจทก์ นอกจากนี้โจทก์มักจะหลบเลี่ยงงาน โจทก์ลาป่วยและลากิจเป็นประจำ ไม่ตั้งใจทำงาน โจทก์ลางานคราวละ 2 วันเพื่อไม่ต้องแสดงใบรับรองของแพทย์ การประเมินผลงานของโจทก์โจทก์ได้คะแนนน้อย จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน 500,000 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยมีสิทธิปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรของจำเลยโดยลดจำนวนลูกจ้างลงเพื่อให้ธุรกิจของจำเลยสามารถอยู่ต่อไปได้ แต่ข้อเท็จจริงตามที่ศาลแรงงานกลางฟังเป็นยุติว่าหน่วยงานต่างๆ ในส่วนลูกค้าสัมพันธ์ซึ่งโจทก์เคยรับผิดชอบมิได้ถูกยุบ เพียงแต่จำเลยเปลี่ยนชื่อใหม่ และจำเลยยังได้แต่งตั้งบุคคลอื่นมาดำรงตำแหน่งแทนโจทก์โดยไม่มีเหตุอันสมควรทั้ง ๆ ที่โจทก์ไม่เคยปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยแต่อย่างใด เช่นนี้ แม้จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยจำเลยจ่ายค่าชดเชยและเงินช่วยเหลือพิเศษให้แก่โจทก์ก็เป็นการเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควรนั่นเอง จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมต่อโจทก์
พิพากษายืน