แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันสลากกินรวบต่างเป็นความผิดอยู่ในตัวเองไม่เกี่ยวข้องกันเมื่อคำฟ้องโจทก์ระบุยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และจำเลยให้การรับสารภาพจึงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวซึ่งเป็นความผิด2กรรมต่างกันต้องลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป นอกจากเงินของกลางที่ยึดได้จากจำเลยมีจำนวนเล็กน้อยเพียง20บาทซึ่งแสดงว่าจำเลยมิใช่ผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและเจ้ามือรับกินรับใช้รายใหญ่แล้วยังไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อนจึงสมควรรอการลงโทษให้จำเลยโดยกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติของจำเลยด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83ริบของกลาง และจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15ลงโทษฐานเป็นเจ้ามือ จำคุก 6 เดือนปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 4,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ของกลางริบและให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบอีกกระทงหนึ่ง และไม่รอการลงโทษ โดยอัยการพิเศษประจำเขต 3 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ปรับ 5,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่งแล้วคงปรับ 2,500 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบอีกกระทงหนึ่ง และไม่รอการลงโทษ โดยรองอัยการสูงสุดรักษาราชการแทนอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยเป็นข้อแรกตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันสลากกินรวบรวมสองกระทงหรือไม่ ในปัญหานี้เห็นว่า ความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันสลากกินรวบต่างเป็นความผิดอยู่ในตัวเองไม่เกี่ยวข้องกัน เมื่อคำฟ้องโจทก์ระบุยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และจำเลยให้การรับสารภาพจึงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดทั้งในฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันสลากกินรวบเป็นความผิด 2 กรรมต่างกันซึ่งศาลต้องพิพากษาลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้เพียงกระทงเดียวนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอไม่ให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า นอกจากเงินของกลางที่ยึดได้จากจำเลยมีจำนวนเล็กน้อยเพียง 20 บาท ซึ่งแสดงว่าจำเลยมิใช่ผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและเจ้ามือรับกินรับใช้รายใหญ่แล้ว ก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อนที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจรอการลงโทษให้จำเลยนั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ตามศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติของจำเลยด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่น จำคุก 4 เดือน และปรับ 4,000 บาท ฐานเป็นเจ้ามือ จำคุก 4 เดือน และปรับ 4,000 บาท รวมจำคุก 8 เดือนและปรับ 8,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน และปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ตลอดระยะเวลารอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1