คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การพิพากษาคดีส่วนแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
แม้ข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาจะปรากฎว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบเงินให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อโจทก์มาฟ้องในคดีแพ่งให้จำเลยที่ 1 รับผิดคืนเงิน โจทก์จะต้องกล่าวอ้างและพิศูจน์ให้เห็นว่าที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบเงินนั้นเป็นการฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติหรือเป็นการประมาทเลินเล่ออันจะต้องรับผิด
ข้อเท็จจริงในคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาที่จะนำมาใช้ในคดีแพ่งที่เกี่ยวแก่จำเลยซึ่งมิได้ถูกฟ้องในคดีส่วนอาญาด้วยหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ รับราชการในตำแหน่งพนักงานยาง จำเลยที่ ๑ ได้ทุจริตนำเงินของทางการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว แล้วต่อมาได้มอบเงินอีกส่วนหนึ่งให้จำเลยที่ ๒ ไปแล้วจำเลยที่ ๒ ได้ยักยอกเงินจำนวนนี้ไปอีก ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดใช้เงินคืน
จำเลยต่างให้การปฏิเสธ และต่อสู้คดีหลายประการ
ศาลจังหวัดจันทบุรีพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินแก่โจทก์ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ ๑ เคยถูกฟ้องคดีอาญามาแล้ว และข้อความในคำพิพากษาในคดีส่วนอาญานั้นแสดงว่าเงินในหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ ไม่มีอยู่ที่จำเลยที่ ๑ แล้ว จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิด ส่วนจำเลยที่ ๒ โจทก์สืบไม่สมฟ้อง พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์เสียทั้งสิ้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้แยกวินิจฉัยฟ้องของโจทก์ดังนี้
สำหรับจำเลยที่ ๑
ประการที่ ๑ ที่อ้างว่าจำเลยที่ ๑ ทุจริตต่อหน้าที่เอาเงินไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวนั้น ศาลฎีกาว่าฟ้องของโจทก์เป็นการฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวกับคดีอาญา ตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๔๖ คดีนี้จึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ดังกล่าวว่าจำเลยที่ ๑ มิได้ทุจริตต่อหน้าที่เอาเงินไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ฟ้องของโจทก์ข้อนี้จึงฟังไม่ได้
ประการที่ ๒ ข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาศาลฟังว่าเงินในหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ นั้นมิได้มีอยู่ที่จำเลยที่ ๑ อีกแล้ว อีกปัญหาหนึ่งที่เกี่ยวกับเงิน ๙,๙๓๖.๔๘ บาทที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ ๑ มอบให้จำเลยที่ ๒ นั้นศาลเห็นว่าในคดีนี้โจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ ๑ กระทำการฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติประมาทเลินเล่ออย่างใดอันจะทำให้จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด
สำหรับจำเลยที่ ๒ นั้น โจทก์ประสงค์จะให้รับผิดสำหรับเงินจำนวน ๙,๙๓๖.๔๘ บาท และศาลฟังในคดีส่วนอาญาว่า จำเลยที่ ๑ ได้ส่งมอบเงินจำนวนนี้ให้แก่จำเลยที่ ๒ แล้ว แต่ในคดีส่วนอาญานั้นจำเลยที่ ๒ นี้ไม่ได้ถูกฟ้อง ฉะนั้นจะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่พาดพิงมาถึงจำเลยที่ ๒ นั้นมาใช้ในคดีแพ่งไม่ได้ เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบในคดีแพ่งให้ได้ความชัดตามฟ้องของตน เมื่อโจทก์สืบไม่ได้ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิด
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฎีกาโจทก์

Share