คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาประกันตัวผู้ต้องหามิใช่เป็นการจำนองตาม ป.พ.พ.มาตรา 702 หลักประกันที่ระบุไว้ในสัญญาก็เป็นเพียงหลักประกันเบื้องต้นตาม ป.วิ.อ. มาตรา 114 ฉะนั้นแม้ตามสัญญาจะไม่มีข้อตกลงว่า ในกรณีขายทอดตลาดหลักประกันตามสัญญาได้เงินไม่ครบจะยอมให้โจทก์ยึดทรัพย์อื่นใช้หนี้จนครบก็ตาม หากปรากฏว่าขายทอดตลาดหลักประกันตามสัญญาประกันได้เงินไม่ครบตามสัญญาโจทก์ก็ย่อมมีสิทธิบังคับให้จำเลยชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้จนสิ้นเชิง.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยเป็นผู้ประกันตัวผู้ต้องหา โดยทำสัญญาประกันว่าหากผิดนัดยอมชำระเงินจำนวน 150,000 บาท จำเลยได้นำที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่295/11 เล่ม 5 หน้า 60 ตำบลหนองบัวแดง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นหลักประกัน จำเลยผิดนัดผิดสัญญา โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน164,968.75 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินจำนวน 150,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้แล้วเสร็จ และให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมโดยกำหนดค่าทนายความจำนวน 1,000 บาท แทนโจทก์ จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดหลักประกันดังกล่าวออกขายทอดตลาด แต่ได้เงินไม่ครบจำนวนตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่นาอีก 1แปลง เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ที่ค้างอยู่ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ปล่อยที่นาแปลงนี้ อ้างว่าโจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์อื่นนอกจากหลักทรัพย์ที่ระบุไว้ในสัญญาประกัน ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้โจทก์ 600 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘เห็นว่า สัญญาประกันตัวผู้ต้องหา แม้จะไม่มีข้อตกลงว่า หากขายทอดตลาดหลักประกันที่ระบุไว้ในสัญญาประกันตัวผู้ต้องหารายพิพาทได้เงินไม่ครบจำนวน 150,000บาท ก็ยอมให้โจทก์ยึดทรัพย์อื่นใช้หนี้จนครบก็ตามโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิที่จะให้จำเลยชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินของจำเลยจนสิ้นเชิง สำหรับคดีนี้โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาที่จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีมิได้ปฏิบัติตามทั้งหมดหรือบางส่วนจนกว่าจะครบจำนวนหนี้ เพราะหลักประกันที่ระบุไว้ในสัญญาประกันนั้นเป็นเพียงหลักประกันเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 114 เท่านั้น และสัญญาประกันตัวผู้ต้องหามิใช่เป็นการจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 ซึ่งถ้ามิได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น เจ้าหนี้บังคับชำระหนี้ในทรัพย์อันเป็นหลักประกันแล้ว จะบังคับจากทรัพย์อื่นนอกสัญญาไม่ได้ดังนั้นโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จนครบจำนวนตามคำพิพากษา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share