คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เหตุสุดวิสัยที่จำเลยอ้างมานั้นเกิดขึ้นภายหลังจากที่จำเลยผิดสัญญาส่งเหล็กให้แก่โจทก์แล้วประมาณ 7 เดือน จำเลยอ้างเหตุนี้ขึ้นเป็นข้อแก้ตัวเพื่อจะไม่ต้องรับผิดตามสัญญาหาได้ไม่
การให้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในกรณีผิดสัญญานั้น ก็เพื่อที่จะชดใช้และให้ความพอใจแก่ฝ่ายที่ไม่ผิดสัญญาสำหรับความเสียหายที่ฝ่ายนั้นได้รับจริง ๆ กฎหมายไม่ประสงค์ให้มีการค้ากำไรในการผิดสัญญา
เบี้ยปรับนั้นก็คือค่าเสียหายที่คู่สัญญาตกลงกันไว้ล่วงหน้านั่นเองเบี้ยปรับจึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย โดยเหตุนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 383 จึงบัญญัติไว้ว่า ถ้าเบี้ยปรับนั้นสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงก็ได้และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 วรรคสอง ก็บัญญัติไว้ว่าให้เจ้าหนี้เรียกค่าเสียหายได้เต็มจำนวนที่เสียไป โดยให้คิดเบี้ยปรับรวมอยู่ในนั้นด้วย คือให้ถือว่าเบี้ยปรับเป็นจำนวนน้อยที่สุดของค่าเสียหาย
เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเต็มจำนวนที่โจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยเสียเบี้ยปรับให้โจทก์อีกไม่ได้เพราะเป็นการเรียกร้องที่นอกเหนือไปจากความเสียหายที่โจทก์ได้รับขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 วรรคสอง
จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งของให้โจทก์ตามกำหนด แต่ของที่บริษัท ท.เสนอราคามานั้น มีคุณสมบัติไม่ตรงกับที่โจทก์กำหนดไว้ ส่วนของ ฮ.มีคุณสมบัติตรงกับที่โจทก์กำหนดไว้ ฉะนั้น การที่โจทก์รับซื้อจาก ฮ.จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบปฏิบัติของทางการรถไฟแต่อย่างใดหาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาขายเหล็กเหนียวให้โจทก์ ๒๔ ท่อนเป็นเงิน ๔๓,๗๒๘ บาท จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งของตามกำหนด จำเลยต้องเสียค่าปรับตามสัญญาให้โจทก์เป็นเงิน ๑๐,๙๓๒ บาท โจทก์ทำสัญญาซื้อเหล็กจากนายฮั่วยัมแพงกว่าที่ซื้อจากจำเลยเป็นเงิน ๓๘,๔๑๙ บาท ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้เงินรวม ๔๙,๓๕๑ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า การที่จำเลยไม่สามารถส่งเหล็กตามสัญญา เกิดจากเหตุสุดวิสัย โดยกรรมกรท่าเรือในประเทศอังกฤษผละงาน ทำให้เหล็กที่จำเลยสั่งซื้อตกค้างอยู่ที่ท่าเรือและหายไป โจทก์ซื้อเหล็กจากนายฮั่วยัมในราคาที่สูง เป็นการไม่ชอบ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินที่โจทก์ซื้อเหล็กแพงขึ้นเป็นเงิน๓๔,๖๑๓.๔๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยใช้ค่าปรับ ๑๐,๙๓๒ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยส่งเหล็กให้โจทก์ไม่ได้เนื่องจากเหตุสุดวิสัยโดยกรรมกรท่าเรือผละงานไม่สามารถจะขนบรรทุกเรือส่งมาได้
ศาลฎีกาเห็นว่า เหตุสุดวิสัยที่จำเลยอ้างมานั้นเกิดขึ้นภายหลังจากที่จำเลยผิดสัญญาส่งเหล็กให้แก่โจทก์แล้วประมาณ ๗ เดือน จำเลยอ้างเหตุนี้ขึ้นเป็นข้อแก้ตัวเพื่อจะไม่ต้องรับผิดตามสัญญาหาได้ไม่
ตามสัญญาข้อ ๔ ได้กำหนดจำนวนค่าปรับและค่าเสียหายเต็มจำนวนไว้ล่วงหน้าที่จำเลยจะต้องรับผิดในเมื่อผิดสัญญา
ศาลฎีกาเห็นว่า การให้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในกรณีผิดสัญญานั้น ก็เพื่อที่จะชดใช้และให้ความพอใจแก่ฝ่ายที่ไม่ผิดสัญญาสำหรับความเสียหายที่ฝ่ายนั้นได้รับจริง ๆ กฎหมายไม่ประสงค์ให้มีการค้ากำไรในการผิดสัญญา
เบี้ยปรับนั้นก็คือค่าเสียหายที่คู่สัญญาตกลงกันไว้ล่วงหน้านั่นเองเบี้ยปรับจึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย โดยเหตุนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๓ จึงบัญญัติไว้ว่า ถ้าเบี้ยปรับนั้นสูงเกินส่วนศาลจะลดลงก็ได้ และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๓๘๐ วรรคสอง ก็บัญญัติไว้ว่า ให้เจ้าหนี้เรียกค่าเสียหายได้เต็มจำนวนที่เสียไป โดยให้คิดเบี้ยปรับรวมอยู่ในนั้นด้วย คือให้ถือว่าเบี้ยปรับเป็นจำนวนน้อยที่สุดของค่าเสียหาย
คดีนี้เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเต็มจำนวนที่โจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยเสียค่าปรับให้โจทก์อีกไม่ได้เพราะเป็นการเรียกร้องที่นอกเหนือไปจากความเสียหายที่โจทก์ได้รับ ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๐ วรรคสอง
จำเลยฎีกาว่า การซื้อเหล็กจากนายฮั่วยัมเป็นการไม่สุจริต
ศาลฎีกาเห็นว่า เหล็กที่บริษัททองไทย (๑๙๕๖) จำกัด เสนอราคามานั้นมีคุณสมบัติไม่ตรงกับที่โจทก์กำหนดไว้ ส่วนของนายฮั่วยัมมีคุณสมบัติตรงกับที่โจทก์กำหนดไว้ ฉะนั้น การที่โจทก์รับซื้อจากนายฮั่วยัมจึงไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบปฏิบัติของทางการรถไฟแต่อย่างใด และหาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามผลแห่งคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

Share