แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าอันต้องฟ้องภายในปีหนึ่งนับแต่ถูกแย่งการครอบครองนั้น เมื่อไม่ได้ฟ้องภายในกำหนดก็ย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนซึ่งการครอบครองที่หลุดมือไปแล้วทันที
คดีที่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองไปจากโจทก์เกินกว่า 1 ปีแล้ว แม้จำเลยจะมิได้ยกมาตรา 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นต่อสู้ศาลก็ย่อมจะพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับครอบครองที่ดินไม่มีโฉนด 1 แปลงมาประมาณ 18 ปีแล้ว จำเลยที่ 2 กับพวกได้บุกรุกเป็นเนื้อที่ 12 ไร่เศษจำเลยที่ 1 กับพวกได้บุกรุกต่อจากจำเลยที่ 2 ขอให้บังคับอย่าให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า กำหนดเวลาให้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปีตามมาตรา 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น เมื่อไม่ได้ฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าวก็ย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนซึ่งการครอบครองที่หลุดมือไปแล้วนั้นทันที ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยแย่งการครอบครองไปจากโจทก์ และโจทก์มิได้ฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองเกิน 1 ปีแล้ว โจทก์ก็ย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนซึ่งการครอบครองไปเด็ดขาดแล้วตั้งแต่ก่อนฟ้องโดยไม่มีทางจะอ้างอย่างใด เพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้นได้อีก กรณีเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องอายุความเสียสิทธิ แต่เป็นอายุความได้สิทธิ ฉะนั้นแม้จำเลยจะมิได้ยกมาตรา 1375 ขึ้นต่อสู้โดยตรงแต่ข้อเท็จจริงตามประเด็นในคดีปรากฏว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองมาจากโจทก์เกินกว่า 1 ปีแล้ว สิทธิฟ้องร้องเอาคืนซึ่งการครอบครองของโจทก์หมดไปแล้วศาลก็ย่อมจะพิพากษายกฟ้องของโจทก์เสียได้ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์