แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีพิพาทเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้ที่ดินบางส่วนโดยทางต่างๆ กัน แต่ไม่ได้บอกว่าได้มาส่วนไหนเมื่อใด และไม่มีแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง แต่ระบุเขตติดต่อกว้างยาวมาด้วย ดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คดีมีประเด็นโต้เถียงเรื่องการครอบครองระหว่างโจทก์จำเลย หากจำเลยจะต่อสู้ว่าจำเลยใช้สิทธิครอบครองโดยให้โจทก์เช่าทำ จำเลยจะต้องให้การให้ชัด มิฉะนั้นโจทก์ย่อมเสียเปรียบไม่อาจทราบข้อนำสืบของจำเลย
การนำสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินยังไม่มีหนังสือสำคัญ ๑ แปลง โดยบางส่วนโจทก์โก่นสร้างเอง บางส่วนได้รับมฤดกจากบิดามารดา บางส่วนซื้อมาจากผู้มีชื่อ โจทก์ได้ครอบครองทีดินแปลงนี้ตลอดมา ๒๐ ปีเศษแล้ว ต่อมาจำเลยได้ไปยื่นคำร้องต่ออำเภอขอรังวัดที่พิพาทรายนี้โดยอ้างว่าเป็นของบิดาจำเลย โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยทางครอบครองห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยได้รับมฤดกจากขุนภุมเรศภิรมย์กิจบิดาจำเลยจำเลยครอบครองสืบเนื่องตลอดมาจนบัดนี้และว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม มิได้บรรยายว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิที่ดินส่วนใดทิศใดแต่เมื่อใดและมิได้ทำแผนที่สังเขปประกอบฟ้องให้ชัดแจ้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อตัดฟ้องฟังไม่ขึ้นโจทก์บรรยายฟ้องมาชัดพอที่จำเลยจะเข้าใจได้แล้วส่วนข้อเท็จจริงโจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคงว่าโจทก์ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทมาช้านานแล้วฝ่ายจำเลยให้การว่าที่พิพาทขุนภุมเรศฯ บิดาจำเลยได้มาโดยซื้อจากผู้มีชื่อและได้โก่นสร้างเองบ้าง และใช้สิทธิครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมา โจทก์มิได้เกี่ยวข้อง แต่ครั้นนำสืบกลับสืบว่าโจทก์และสามีโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาท โดยสามีและบุตรเขยโจทก์เช่าที่พิพาทจากขุนภุมเรศฯ การนำสืบเช่นนี้เป็นการสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้ รับฟังไม่ได้ นอกจากนี้โจทก์ยังเป็นผู้ยึดถือที่พิพาทอยู่ ซึ่งกฎหมายสันนิษฐานว่าเจตนายึดถือเพื่อตน ย่อมได้สิทธิครอบครองพยานจำเลยไม่อาจหักล้างได้ จึงพิพากษายืน