คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7882/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนที่ดินและบ้านระหว่างจำเลยและผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา114แล้วย่อมมีผลทำให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านย่อมกลับคืนมาเป็นของจำเลยตามเดิมศาลจะสั่งให้มีการชดใช้เงินในกรณีที่ไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมอีกไม่ได้แต่คำร้องของผู้ร้องพอแปลได้ว่าผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการโอนที่ดินและบ้านในลักษณะที่ให้กรรมสิทธิ์กลับคืนมาเป็นของจำเลยโดยปลอดจากภาระจำนองระหว่างผู้คัดค้านกับผู้รับจำนองซึ่งรับจำนองโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนซึ่งไม่อาจถูกเพิกถอนการจำนองตามมาตรา116ได้นั่นเองดังนั้นศาลจึงมีอำนาจที่จะพิพากษาให้เพิกถอนการโอนระหว่างจำเลยและผู้คัดค้านโดยให้ผู้คัดค้านดำเนินการไถ่ถอนจำนองที่ดินและบ้านพิพาทเพื่อให้คู่กรณีได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ การขอให้ศาลฎีกาพิพากษานอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องทำเป็นคำฟ้องฎีกาจะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาหาได้ไม่ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 129539 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 6/50 บนที่ดินดังกล่าวเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2530ซึ่งอยู่ในระยะเวลาสามปีก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลาย จำเลยได้โอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้ผู้คัดค้านการโอนขายดังกล่าวได้กระทำโดยไม่สุจริต ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด รับจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไว้โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านและให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้ผู้คัดค้านใช้ราคาทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงิน 285,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจากจำเลยโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ผู้คัดค้านไม่ทราบมาก่อนว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 129539ตำบลสวนใหญ่ (บางตะนาวศรี) อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรีพร้อมบ้านเลขที่ 6/50 ซึ่งปลูกบนที่ดินแปลงดังกล่าว ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านให้กลับสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ ให้ผู้คัดค้านใช้ราคาทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงิน285,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของผู้ร้องในส่วนที่ให้ผู้คัดค้านชดใช้ราคาที่ดินพร้อมบ้านพิพาทและดอกเบี้ย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยคู่ความมิได้โต้เถียงว่า เดิมจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 129539 ตำบลสวนใหญ่อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี พร้อมบ้านพิพาทเลขที่ 6/50ซึ่งปลูกบนที่ดินแปลงดังกล่าว จำเลยจำนองที่ดินและบ้านพิพาทดังกล่าวไว้แก่นางอยู่กี ภู่เล็ก ต่อมาวันที่ 6 สิงหาคม 2530ซึ่งอยู่ในระหว่างระยะเวลา 3 ปี ก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลายจำเลยได้ไถ่ถอนจำนองที่ดินและบ้านพิพาทแล้วโอนขายให้แก่ผู้คัดค้านในราคา 290,000 บาท โดยผู้คัดค้านได้รู้ถึงภาวะหนี้สินล้นพ้นตัวของจำเลย และในวันเดียวกันผู้คัดค้านได้จำนองที่ดินและบ้านไว้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด จำนวนเงิน257,000 บาท มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องเพียงข้อเดียวว่า ศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้คัดค้านชดใช้ราคาที่ดินและบ้านดังกล่าวแทนในกรณีที่ไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้หรือไม่เห็นว่า เมื่อศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนระหว่างจำเลยและผู้คัดค้านแล้วย่อมมีผลทำให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทย่อมกลับคืนมาเป็นของจำเลยตามเดิม ศาลจะสั่งให้มีการชดใช้เงินในกรณีที่ไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมอีกไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามการที่ผู้คัดค้านจำนองที่ดินและบ้านพิพาทไว้แก่ธนาคารโดยข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องของผู้ร้องซึ่งผู้คัดค้านมิได้โต้แย้งว่า ธนาคารรับจำนองไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลาย ดังนั้นธนาคารดังกล่าวย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 116 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ผู้ร้องจะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการจำนองดังกล่าวมิได้ ทำให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทกลับคืนมาเป็นของจำเลยโดยมีภาระจำนองติดตามด้วยซึ่งตามคำร้องของ ผู้ร้องนั้น ผู้ร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินและบ้านพิพาทเพื่อให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านดังกล่าวกลับคืนมาเป็นของจำเลยโดยปลอดจากภาระจำนอง แม้ผู้ร้องจะมีคำขอให้ผู้คัดค้านชดใช้ราคาที่ดินและบ้านพิพาทแทนในกรณีที่ไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมก็พอแปลได้ว่า ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการโอนที่ดินและบ้านพิพาทในลักษณะที่ให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ดังกล่าวกลับคืนมาเป็นของจำเลยโดยปลอดจากภาระจำนองนั้นเอง ดังนั้น ศาลจึงมีอำนาจที่จะพิพากษาให้เพิกถอนการโอนระหว่างจำเลยและผู้คัดค้านโดยให้ผู้คัดค้านดำเนินการไถ่ถอนจำนองที่ดินและบ้านพิพาทเพื่อให้คู่กรณีได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมได้
ส่วนที่ผู้คัดค้านแก้ฎีกาว่า ผู้คัดค้านรับโอนที่ดินและบ้านพิพาทโดยสุจริตนั้น เป็นการขอให้ศาลฎีกาพิพากษานอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ซึ่งจะต้องทำโดยยื่นเป็นคำฟ้องฎีกา จะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาหาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่129539 ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรีพร้อมบ้านเลขที่ 6/50 ซึ่งปลูกบนที่ดินดังกล่าวระหว่างจำเลยและผู้คัดค้าน และให้ผู้คัดค้านดำเนินการชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองที่ดินและบ้านพิพาทดังกล่าวต่อธนาคาร หากผู้คัดค้านไม่ดำเนินการก็ให้ผู้คัดค้านชำระหนี้จำนองส่วนที่เหลือแก่ผู้ร้องเพื่อนำไปไถ่ถอนจำนองต่อไป นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share