แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่1ไม่ได้มีหน้าที่ขับรถยนต์การที่จำเลยที่2ลูกจ้างของจำเลยที่3ซึ่งเป็นหัวหน้ามีหน้าที่ควบคุมยินยอมให้จำเลยที่1นำรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยที่1นำบุตรของจำเลยที่1ซึ่งเจ็บป่วยไปส่งโรงพยาบาลโดยไม่ได้ความว่าจำเลยที่3ได้รู้เห็นยินยอมด้วยนั้นเป็นการกระทำของจำเลยที่2โดยลำพังไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการในทางการที่จ้างของจำเลยที่3จึงเป็นเรื่องส่วนตัวและครอบครัวของจำเลยที่1ดังนั้นการกระทำละเมิดของจำเลยที่1ถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่3
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 688,288 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ควบคุมการขับรถของจำเลยที่ 1 เพราะจำเลยที่ 1 เป็นคนงานก่อสร้างไม่มีหน้าที่ขับรถวันเกิดเหตุเป็นวันสงกรานต์ซึ่งเป็นวันหยุดประจำปีของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 นำรถยนต์หมายเลขทะเบียน 80-2100 ลำพูนของจำเลยที่ 3 ไปเที่ยวเล่นสงกรานต์โดยพลการนอกเหนือการควบคุมของจำเลยที่ 2 นอกจากการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2และที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 354,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง(วันที่ 21 มิถุนายน 2532) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 มีหน้าที่ทำงานทั่วไป เช่น ขุดดิน แบกหาม ไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์วันเกิดเหตุซึ่งเป็นวันสงกรานต์เป็นวันหยุดทำงานของจำเลยที่ 3ซึ่งไปได้งานรับเหมาก่อสร้างบ้านจัดสรรของการเคหะที่ตำบลพัทยาและได้ตั้งสำนักงานชั่วคราวอยู่ที่ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุงจังหวัดชลบุรี มีคนงานรวมทั้งจำเลยที่ 1 กับบุตรพักอาศัยอยู่โดยมีจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 เป็นหัวหน้ามีหน้าที่ควบคุมงานและกิจการก่อสร้างแทนจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1ได้รับอนุญาตจากจำเลยที่ 2 ให้นำรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุของจำเลยที่ 3 จากสำนักงานก่อสร้างชั่วคราวไปส่งบุตรของจำเลยที่ 3 ซึ่งป่วยที่โรงพยาบาล ระหว่างทางจำเลยที่ 1ได้ขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อชนรถยนต์โจทก์เสียหาย ปัญหาตามที่โจทก์ฎีกามีเพียงข้อเดียวว่า การทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 อันจำเลยที่ 3จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่เห็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้มีหน้าที่ขับรถยนต์ การที่จำเลยที่ 2ยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยที่ 3 นำบุตรของจำเลยที่ 1 ซึ่งเจ็บป่วยไปส่งโรงพยาบาลโดยไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 3 ได้รู้เห็นยินยอมด้วยนั้นเป็นการกระทำของจำเลยที่ 2โดยลำพัง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3จึงเป็นเรื่องส่วนตัวและครอบครัวของจำเลยที่ 1 ดังนั้นเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน