คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7872/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณ รับเสียงและภาพ ภาพยนตร์รายการโทรทัศน์ของโจทก์ร่วม แล้วแพร่หรือถ่ายทอดสัญญาณนั้นผ่านสายรับสัญญาณไปยังห้องพักที่จำเลยให้บริการ อันเป็นการจัดทำงานแพร่เสียงแพร่ภาพภาพยนตร์รายการโทรทัศน์ของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยมิได้รับอนุญาต และเมื่อจำเลยจัดทำเพื่อให้ผู้เช่าห้องพักในอาคารที่พักของตนได้รับชมโดยผู้เช่าต้องเสียค่าเช่าซึ่งรวมถึงบริการสัญญาณเสียงและภาพตามฟ้อง จึงเป็นการกระทำความผิดเพื่อการค้า
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อเนื่องโดยมีเจตนาเดียวคือเพื่อให้ผู้เช่าห้องพักของตนได้รับฟังและรับชมรายการโทรทัศน์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม ซึ่งตราบใดที่จำเลยยังคงแพร่เสียงแพร่ภาพก็ยังเป็นการกระทำความผิดฐานนี้ การกระทำความผิดทั้งสองวันตามฟ้องจึงเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว หาใช่หลายกรรมต่างกันดังฟ้องไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 27, 29, 69, 79 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และขอให้สั่งจ่ายเงินค่าปรับกึ่งหนึ่งแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจาณา บริษัทยูไนเต็ด บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังยุติว่า จำเลยเป็นเจ้าของอาคารที่พักชื่อสมัยอพาร์ทเมนท์ เปิดบริการให้ประชาชนทั่วไปเช่าห้องพัก โดยติดตั้งสายรับสัญญาณโทรทัศน์ในห้องพักที่ให้เช่าไว้ และนายถาวร โสมโมรา พนักงานบริษัทสำนักงานกฎหมายวิคเคอรี่ แอนด์ วรชัย จำกัด เช่าห้องพักเลขที่ 1205 ในอาคารที่พักของจำเลยซึ่งโจทก์และโจทก์ร่วมอ้างว่าพบการละเมิดลิขสิทธิ์งานแพร่เสียงแพร่ภาพของโจทก์ร่วม มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมว่า จำเลยกระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการจัดทำงานแพร่เสียงแพร่ภาพของโจทก์ร่วม โดยเรียกเก็บเงินในทางการค้าหรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณรับเสียงและภาพภาพยนตร์รายการโทรทัศน์ของโจทก์ร่วม แล้วแพร่หรือถ่ายทอดสัญญาณนั้นผ่านสายรับสัญญาณไปยังห้องพักเลขที่ดังกล่าว อันเป็นการจัดทำงานแพร่เสียงแพร่ภาพภาพยนตร์รายการโทรทัศน์ของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาต และเมื่อจำเลยจัดทำเพื่อให้ผู้เช่าห้องพักในอาคารที่พักของตนได้รับชมโดยผู้เช่าต้องเสียค่าเช่าซึ่งรวมถึงบริการสัญญาณเสียงและภาพตามฟ้อง จึงเป็นการกระทำความผิดดังกล่าวเพื่อการค้าตามฟ้องส่วนที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานดังกล่าวหลายกรรมต่างกันในวันที่ 5 มีนาคม 2546 กระทงหนึ่ง และในวันที่ 18 เดือนเดียวกันอีกกระทงหนึ่งนั้น เห็นว่า การกระทำของจำเลยในคดีนี้เห็นได้ว่าเป็นความผิดต่อเนื่องโดยมีเจตนาเดียวคือเพื่อให้ผู้เช่าห้องพักของตนได้รับฟังและรับชมรายการโทรทัศน์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม ซึ่งตราบใดที่จำเลยยังคงแพร่เสียงแพร่ภาพก็ยังเป็นการกระทำความผิดฐานนี้ การกระทำความผิดทั้งสองวันดังกล่าวจึงเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว หาใช่หลายกรรมต่างกันดังฟ้องไม่ อุทธรณ์ของโจทก์ร่วมฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 29 (1), 69 วรรคสอง ให้ลงโทษปรับ 100,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังจำเลยแทนค่าปรับให้กักขังไม่เกิน 1 ปี และให้จ่ายค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาแก่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่ง ตามมาตรา 76.

Share