คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3249/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์บรรทุกดินลูกรังแล้วออกเช็คพิพาทชำระค่าจ้าง โจทก์นำเช็คพิพาทไปขอรับเงินจากธนาคารไม่ได้ เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็ค จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทนั้น ซึ่งแท้จริงก็คือขอให้บังคับจำเลยชำระค่าจ้างนั่นเอง เป็นกรณีที่โจทก์ผู้รับจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างเพื่อการงานที่ทำจากจำเลย สิทธิเรียกร้องดังกล่าวนี้มีกำหนดอายุความ 2 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8)

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 63,560 บาท 55 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงที่ไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้ฟังได้ว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2518 จำเลยว่าจ้างโจทก์บรรทุกดินลูกรังและยังค้างชำระค่าจ้างโจทก์อยู่อีก 63,560 บาท 55 สตางค์ จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาท คือเช็คธนาคารสหธนาคาร จำกัด สาขาหินกอง หมายเลข เอส ที 27 850723ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2519 จำนวนเงิน 65,000 บาท ชำระค่าจ้างดังกล่าวให้แก่โจทก์ โจทก์นำเช็คพิพาทไปขอรับเงินไม่ได้ เพราะธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีนี้ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2521 ตามฎีกาของจำเลย คงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาแต่เฉพาะเรื่องอายุความว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ จำเลยฎีกาคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทเมื่อเวลาเกิน 1 ปี นับแต่วันออกเช็ค ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์บรรทุกดินลูกรังแล้วออกเช็คพิพาทชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์ โจทก์นำเช็คพิพาทไปขอรับเงินจากธนาคารไม่ได้ เพราะธนาคารตามเช็คพิพาทปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็ค จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทนั้น ซึ่งแท้จริงก็คือขอให้บังคับจำเลยชำระค่าจ้างบรรทุกดินลูกรังให้แก่โจทก์นั่นเอง เป็นกรณีที่โจทก์ผู้รับจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างเพื่อการงานที่ทำจากจำเลย สิทธิเรียกร้องดังกล่าวนี้มีกำหนดอายุความสองปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8)โจทก์ฟ้องในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2521 ยังไม่เกินสองปี ไม่ขาดอายุความ”

พิพากษายืน

Share