แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปัญหาข้อกฎหมายที่ยกขึ้นฎีกานั้น ต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกามิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อศาลได้มีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้ว หากคำสั่งนั้นทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง คู่ความย่อมอุทธรณ์ได้ทันที แต่ถ้าไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องก็อุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนนับแต่มีคำสั่ง ถ้าจะอุทธรณ์เมื่อศาลพิพากษาคดีแล้ว ก็จะต้องโต้แย้งให้ศาลจดรายงานไว้ มิฉะนั้นคู่ความฝ่ายนั้นย่อมหมดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า คำสั่งของจำเลยที่ให้ริบปืนของโจทก์เป็นโมฆะ ให้จำเลยส่งปืนคืนให้โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้ปฏิเสธความรับผิด และต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1327
ศาลชั้นต้นชี้ขาดประเด็นเบื้องต้นในปัญหาเรื่องอายุความแล้วสั่งว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ ให้ดำเนินการพิจารณาต่อไป ในที่สุดพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยที่ว่าจำเลยมีอำนาจสั่งริบอาวุธปืนหรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาขึ้นมานั้นศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่ได้ยกปัญหาข้อนี้และบรรยายให้ชัดแจ้งในฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนปัญหาข้อหลัง จำเลยเป็นผู้ยื่นคำร้องให้ศาลชั้นต้นสั่งชี้ขาดในข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตามจำเลยขอในวันรุ่งขึ้น ดังนี้จะว่าศาลชั้นต้นไม่สั่งตามจำเลยขอฟังไม่ได้การสั่งตามมาตรา 24 ถ้าคดีเสร็จไปทั้งเรื่อง คู่ความต้องอุทธรณ์ตามมาตรา 227 ถ้าไม่เสร็จไปทั้งเรื่องก็ต้องบังคับตามมาตรา 228(3) ซึ่งคู่ความต้องอุทธรณ์ภายใน 1 เดือนนับแต่วันมีคำสั่งตามวรรค 2แห่งมาตราเดียวกัน ถ้าไม่อุทธรณ์ก็ต้องโต้แย้งให้ศาลจดลงไว้ในรายงานดังวรรคสุดท้ายแห่งมาตรา 228 นั้น คดีนี้จำเลยมิได้ปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับไว้ทั้งสองประการ กล่าวคือมิได้อุทธรณ์ภายใน1 เดือนนับแต่วันฟังคำสั่ง ทั้งไม่ได้โต้แย้งไว้ จำเลยย่อมหมดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา
จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย