แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปกติลูกระเบิดเป็นอาวุธร้ายแรง เมื่อถอดสลักลูกระเบิดหรือสลักนิรภัยออกแล้วย่อมจะต้องระเบิดขึ้นทำอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้จำเลยทำให้เกิดระเบิดโดยเจตนาฆ่าตัวตายเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 222
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217, 218,221, 222, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 38, 74
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 38,74 กระทงหนึ่ง ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 เป็นกระทงที่สองและผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 222 ประกอบด้วยมาตรา 218 เป็นกระทงที่สามให้เรียงกระทงลงโทษ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยทำให้เกิดระเบิดขึ้นโดยจำเลยมีเจตนาฆ่าตัวตาย ผลแห่งการระเบิดทำให้ทรัพย์สินและโรงเรือนของนางฮวยผู้เสียหายได้รับความเสียหาย จำเลยจะมีความผิดฐานทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ตามฟ้องโจทก์หรือไม่ คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีลูกระเบิดชนิดขว้างแบบอเมริกัน 1 ลูกไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้นำลูกระเบิดดังกล่าวติดตัวไปที่บ้านของนางฮวย แล้วจำเลยมีเรื่องผิดใจกับนางสาวปฐมาภรณ์บุตรสาวนางฮวย ซึ่งเป็นคนรักของจำเลย จำเลยได้วิ่งไล่จับเพื่อทำร้ายนางสาวปฐมาภรณ์แต่นางสาวปฐมาภรณ์วิ่งหลบหนีเสีย จำเลยไม่สามารถวิ่งไล่จับได้ทัน จึงหวนกลับเข้าไปในบ้านนางฮวยเอาเสื้อผ้าและทรัพย์สินของนางฮวยและนางสาวปฐมาภรณ์มาจุดไฟเผา แล้วจำเลยได้เอายาฆ่าแมลงมาดื่มเพื่อจะฆ่าตัวเอง นอกจากดื่มยาฆ่าแมลงแล้ว จำเลยได้ถอดสลักนิรภัยลูกระเบิด ลูกระเบิดจึงได้เกิดระเบิดขึ้นเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของนางฮวยเสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่า ปกติลูกระเบิดเป็นอาวุธร้ายแรงเมื่อถอดสลักระเบิดหรือสลักนิรภัยออกแล้วย่อมจะต้องระเบิดขึ้นทำอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้ ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา จำเลยทำให้เกิดระเบิดโดยเจตนาฆ่าตัวตายเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 222 แล้ว
พิพากษายืน