คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตรงที่พิพาทเดิมเป็นช่องทางเดินระหว่างตึก ชั้นบนเป็นห้องโจทก์ก่อผนังตึกด้านหลังปิดช่องทางนี้ โดยมีประตูเหล็กพับได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แล้วให้คนเข้าอยู่อาศัยและค้าขาย ดังนี้เข้าลักษณะเป็น ‘อาคาร’ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479 แล้ว
การกระทำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการปลูกสร้างอาคารตามมาตรา 7(3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินและตึกแถวเลขที่ ๑๔๑ เจ้าของเดิมแบ่งห้องตึกเป็น ๒ ตอน ด้านซ้ายเปิดโล่งไม่ได้ทำประตูหน้าห้องและก่อผนังตึกด้านหลังเพื่อประสงค์ไว้เป็นทางเข้าออกเฉพาะนักเรียน ต่อมาโจทก์ซื้อที่ดินนี้แล้วให้นายทรงคุณฟัดเข้าอยู่อาศัย ทำการค้าขาย โดยโจทก์ทำประตูหน้าห้องกับประตูเหล็กด้านหลัง นายทรงคุณฟัดค้าขายอยู่ ๑ ปี โจทก์ได้ทำผนังตึกด้านหลัง มีคนไปแจ้งตำรวจจับนายทรงคุณฟัดฐานก่อสร้างผนังตึกโดยไม่ได้รับอนุญาตศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาปรับนายทรงคุณฟัดแล้วทางเทศบาลนครกรุงเทพจำเลยได้มีคำสั่งให้นายทรงคุณฟัดรื้อถอนอาคารที่ปลูกสร้าง โจทก์กับนายทรงคุณฟัดอุทธรณ์ คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์มีคำสั่งยกอุทธรณ์ แล้วจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะรื้ออาคารดังกล่าวจึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของจำเลยดังกล่าว และคำสั่งยกอุทธรณ์ของคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นด้วย
จำเลยให้การว่า จำเลยมีอำนาจตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.๒๔๗๙ สั่งให้โจทก์รื้อถอนอาคารพิพาทได้จำเลยได้สั่งโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ศาลชั้นต้นเผชิญสืบสถานที่และสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์ทำขึ้น เห็นว่าเดิมที่ว่างตรงช่องตึกนั้นเป็นทางเดิน เมื่อโจทก์สร้างประตูด้านหน้าด้านหลังและผนังตึกแล้ว ทางเดินนั้นก็กลายสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งบุคคลอาจเข้าอยู่หรือใช้สอยได้ ถือได้ว่าเป็นการสร้างอาคารขึ้นใหม่ล้วนตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.๒๔๗๙ มาตรา ๗ จำต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามมาตรา ๔ คำสั่งของจำเลยและคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ทำการปลูกสร้างอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.๒๔๗๙ มาตรา ๗(๓) โดยในทางกลับกัน โจทก์แปลงอาคารซึ่งชั้นบนเป็นห้องและชั้นล่างเป็นทางให้เป็นอาคาร เพื่อประโยชน์ให้บุคคลเข้าอยู่อาศัย โดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๑ คำสั่งของจำเลยและคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้วพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตรงที่พิพาทเดิมเป็นช่องทางเดินระหว่างตึก ชั้นบนเป็นห้องด้านหน้าติดทางเท้าริมถนนวิสุทธิกษัตริย์ โจทก์ก่อผนังตึกด้านหลังปิดช่องทางนี้ โดยมีประตูเหล็กปิดพับได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แล้วโจทก์ให้คนเข้าอยู่อาศัยและค้าขาย ดังนี้ เข้าลักษณะเป็น “อาคาร” ตามความหมายของมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๔๗๙ แล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะไม่เป็นการปลูกสร้างขึ้นใหม่ล้วนและการต่อเติมดัดแปลงเป็นการเพิ่มน้ำหนักแก่อาคารนั้นมากตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารมาตรา ๗(๑) และ (๒) ดังโจทก์ฎีกาก็ดี การกระทำของโจทก์เป็นการปลูกสร้างอาคารตามมาตรา ๗(๓) ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอยู่นั่นเอง ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share