คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาแต่งตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนในการเรียกร้องเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนเพิ่มขึ้นโดยจะให้เงินค่าตอบแทนในอัตราร้อยละ 10 ของเงินค่าทดแทนที่ดินที่ได้เพิ่มขึ้น แม้การที่ทางราชการยอมจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นจะอาศัยหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับของทางราชการ และเป็นการจ่ายให้แก่เจ้าของที่ดินทุกรายที่ถูกเวนคืนแม้มิได้ร้องขอเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่โจทก์ทั้งสองมีส่วนกระทำการและผลักดันจนกระทั่งทางราชการมีการพิจารณาให้เงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้น เมื่อทางราชการจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะอาศัยบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดหรืออาศัยเหตุผลอื่นใดก็ต้องถือว่าโจทก์ได้กระทำการตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยแล้ว เมื่อข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทนที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าตอบแทนให้โจทก์ตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันโดยให้เรียกโจทก์ทั้งสองสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ตามลำดับ เรียกจำเลยสำนวนแรกว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ตามลำดับ และเรียกจำเลยสำนวนหลังว่าจำเลยที่ 7 ถึงที่ 15 ตามลำดับ

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องทั้งสองสำนวนว่า เมื่อปี 2530กรมชลประทานจะจัดสร้างคลองส่งน้ำและคันคลองชลประทาน ในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางพลวง ประตูระบายน้ำบางกระเจ็ด ผ่านท้องที่ หมู่ที่ 7 ตำบลหัวไทร และหมู่ที่ 9 ตำบลบางกระเจ็ด อำเภอบางคล้าจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยกำหนดแนวเวนคืนผ่านที่ดินของจำเลยทั้งสิบห้าด้วยกรมชลประทานกำหนดเงินค่าทดแทนที่ดินไร่ละ 20,000 บาท จำเลยทั้งสิบห้าไม่พอใจ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2531 จำเลยทั้งสิบห้าและผู้ถูกเวนคืนที่ดินทั้งหมดจึงแต่งตั้งให้โจทก์ทั้งสองเป็นตัวแทนร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อกรมชลประทานและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทบทวนการกำหนดเงินค่าทดแทนเสียใหม่ให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงของราคาที่ดินในปัจจุบันโดยจำเลยทั้งสิบห้าและผู้ที่ถูกเวนคืนที่ดินสัญญาว่า ถ้าโจทก์ทั้งสองสามารถเรียกร้องเงินค่าทดแทนได้เพิ่มขึ้นจากไร่ละ 20,000 บาทจำเลยทั้งสิบห้ายอมมอบเงินส่วนที่เพิ่มให้แก่โจทก์ทั้งสองอัตราร้อยละ 10หลังจากนั้นโจทก์ทั้งสองได้ดำเนินการร้องขอความเป็นธรรม ทั้งด้วยวาจาและเป็นหนังสือหลายครั้งหลายหน จนทำให้กรมชลประทานรับพิจารณาคำร้องเรียน ให้ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มเป็นไร่ละ 100,000 บาท จำเลยทั้งสิบห้าได้รับเงินค่าทดแทนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวครบถ้วนแล้ว แต่จำเลยทั้งสิบห้าผิดสัญญาไม่ชำระเงินร้อยละ 10 ของเงินค่าทดแทนที่ดินที่เพิ่มขึ้นให้แก่โจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองทวงถามแล้ว แต่จำเลยทั้งสิบห้าปฏิเสธขอให้บังคับจำเลยทั้งสิบห้าชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสอง พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินแต่ละจำนวนดังกล่าวนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสิบห้าให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยทั้งสิบห้าไม่เคยตกลงหรือทำสัญญาแต่งตั้งให้โจทก์ทั้งสองเป็นตัวแทนในการเรียกเงินค่าทดแทนจากการถูกกรมชลประทานเวนคืนที่ดิน โจทก์ทั้งสองและผู้ที่ถูกเวนคืนได้รวมกันทำหนังสือร้องเรียนต่อทางราชการ โดยโจทก์ทั้งสองนำกระดาษเปล่าไม่มีข้อความใด ๆ มาให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 ถึงที่ 10 ที่ 12 ที่ 13 และที่ 15 ลงลายมือชื่อเป็นบัญชีหางว่าว โจทก์ทั้งสองแจ้งว่าจะไปพิมพ์ข้อความร้องเรียนด้านบนของกระดาษภายหลัง และจะนำไปยื่นต่อทางราชการครั้นเมื่อได้รับสำเนาคำฟ้อง จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 ถึงที่ 10 ที่ 12 ที่ 13และที่ 15 จึงทราบว่าโจทก์ทั้งสองร่วมกันนำไปพิมพ์ข้อความเป็นการแต่งตั้งโจทก์ทั้งสองเป็นตัวแทนและจะให้ค่าใช้จ่ายร้อยละ 10 ของเงินเพิ่มขึ้นที่โจทก์ทั้งสองเรียกร้องได้ ส่วนจำเลยที่ 5 ไม่เคยลงลายมือชื่อตัวอักษรพิมพ์ดีดทั้งหมดเป็นข้อความปลอมที่โจทก์ทั้งสองกับพวกกระทำขึ้น เงินค่าทดแทนที่เพิ่มขึ้นก็เนื่องมาจากประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 44 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 10 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 ไม่ใช่เกิดจากการเรียกร้องของโจทก์ทั้งสอง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้เฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 4 ถึงที่ 6 และที่ 8 ถึงที่ 10

ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยที่ 6 ถึงแก่ความตายนางเล็ก ทิมทอง ทายาทของจำเลยที่ 6 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาต

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสิบห้าชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสอง โดยจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 12,340 บาท จำเลยที่ 2 เป็นเงิน13,725 บาท จำเลยที่ 3 เป็นเงิน 25,225 บาท จำเลยที่ 4 และที่ 5 เป็นเงิน21,650 บาท จำเลยที่ 6 เป็นเงิน 12,550 บาท จำเลยที่ 7 เป็นเงิน 55,345บาท จำเลยที่ 8 เป็นเงิน 37,920 บาท จำเลยที่ 9 เป็นเงิน 48,715 บาทจำเลยที่ 10 เป็นเงิน 29,000 บาท จำเลยที่ 11 และที่ 12 เป็นเงิน 158,825บาท จำเลยที่ 13 ที่ 14 และที่ 15 เป็นเงิน 143,600 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินแต่ละจำนวนดังกล่าวนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสิบห้าฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสิบห้าว่าการที่ทางราชการยอมจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินให้เพิ่มขึ้นตามจำนวนที่โจทก์ทั้งสองฟ้องแก่จำเลยทั้งสิบห้า เกิดจากการเรียกร้องของโจทก์ทั้งสองหรือไม่ได้ความจากโจทก์ทั้งสองว่าโจทก์ทั้งสองได้ทำหนังสือร้องเรียนชี้แจงไปยังหน่วยราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งได้เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการเพื่อพิจารณากำหนดเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนหลายครั้งหลายหนปรากฏตามสำเนาเอกสารหมาย จ.2 ลงวันที่ 4 มกราคม 2532 เอกสารหมาย จ.4 ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2532 เอกสารหมาย จ.5 ลงวันที่ 28มีนาคม 2533 เอกสารหมาย จ.6 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2533 เอกสารหมาย จ.11 (สำนวนแรก) ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2533 เอกสารหมาย จ.12(สำนวนแรก) ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2533 และเอกสารหมาย จ.12 (สำนวนหลัง) ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2533 ซึ่งเป็นข้อชี้แสดงให้เห็นว่าโจทก์ทั้งสองได้กระทำการงานตามที่ได้รับมอบหมายมาโดยตลอดเป็นเวลานานประมาณ 2 ปี จนในที่สุดทางราชการได้มีมติให้จ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนเพิ่มขึ้นให้แก่จำเลยทั้งสิบห้าปรากฏตามสำเนาบัญชีรายชื่อเจ้าของทรัพย์สินที่จะทำการจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินเอกสารหมาย จ.13 (สำนวนหลัง) แม้การที่ทางราชการยอมจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นจะอาศัยหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับของทางราชการ และเป็นการจ่ายให้แก่เจ้าของที่ดินทุกรายที่ถูกเวนคืนแม้มิได้ร้องขอเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ก็เห็นได้ชัดว่า โจทก์ทั้งสองมีส่วนกระทำการและผลักดันจนกระทั่งทางราชการมีการพิจารณาให้เงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้น แม้จะไม่ได้เพิ่มเติมจำนวนที่ขอไป ความสำเร็จของการเรียกร้องครั้งนี้จะเห็นได้ชัดว่าเป็นผลของการกระทำส่วนหนึ่งของโจทก์ทั้งสองที่พยายามจะให้ได้เงินค่าทดแทนที่ดินที่สูงขึ้นตามที่จำเลยทั้งสิบห้าต้องการ เมื่อทางราชการยินยอมจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะอาศัยบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดหรืออาศัยเหตุผลอื่นใดก็ต้องถือว่า โจทก์ทั้งสองได้กระทำการตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยทั้งสิบห้าจนประสบความสำเร็จตามความประสงค์ของจำเลยทั้งสิบห้าคือได้เงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นตามสัญญาเอกสารหมาย จ.1 แล้ว และข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทนที่ไม่ขัดต่อกฎหมายเช่นนี้แล้ว จำเลยทั้งสิบห้าจึงต้องจ่ายค่าตอบแทนให้แก่โจทก์ทั้งสองอัตราร้อยละ 10 ของเงินค่าทดแทนที่ดินที่ได้รับเพิ่มขึ้นตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้จำเลยทั้งสิบห้าชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสองนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยทั้งสิบห้าฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share