คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7844/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์และทนายจำเลยมาศาลทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าผู้แทนโจทก์ติดธุระจำเป็นไม่อาจมาศาลได้ ทนายจำเลยรับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ตามวันว่างตรงกัน และทนายโจทก์ลงลายมือชื่อรับทราบรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นดังกล่าว ซึ่งเป็นกรณีที่ทนายโจทก์รับทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ที่ทนายโจทก์มีส่วนร่วมในการกำหนดโดยชอบแล้ว แต่เมื่อถึงวันนัดโจทก์รวมทั้งทนายโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดจึงเป็นกรณีที่โจทก์ขาดนัดพิจารณาซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 201 วรรคหนึ่ง บัญญัติบังคับให้ศาลมีคำสั่ง จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ จำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความจึงเป็นคำสั่งที่ชอบ ด้วยกฎหมาย โจทก์จะยกเอากรณีที่ทนายโจทก์จดวันนัดผิดพลาดและในวันนัดดังกล่าวทนายโจทก์ติดว่าความที่ศาลอื่นขึ้นอ้างนั้นเป็นข้ออ้างที่ปราศจากเหตุผลให้รับฟังจึงไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 900,000 บาท โดยขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของโจทก์ทั้งสองแล้ว อนุญาตให้โจทก์ทั้งสองดำเนินคดีอย่างคนอนาถา จำเลยที่ 1ไม่ยื่นคำให้การจำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดีศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 27 สิงหาคม 2539 ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ทั้งสองและผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยที่ 2 มาศาล ผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยที่ 2 นำคำร้องของทนายจำเลยที่ 2 มายื่นต่อศาลว่าติดว่าความในคดีอื่นขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 25 ตุลาคม 2539 เวลา 9 นาฬิกา ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ทั้งสองมาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 16 ธันวาคม 2539 เวลา 9 นาฬิกา ทนายโจทก์ทั้งสองทราบวันนัดแล้ว โดยลงลายมือชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่25 ตุลาคม 2539 ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ทั้งสองและทนายโจทก์ทั้งสองไม่มาศาล ส่วนทนายจำเลยที่ 2 มาศาลและแถลงว่าไม่ติดใจดำเนินคดีต่อไปขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ทั้งสองทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ทั้งสองฎีกาว่า การที่โจทก์ทั้งสองมิได้มาศาลในวันที่ 16 ธันวาคม 2539 อันเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์เนื่องจากโจทก์จดวันนัดผิดพลาด และในวันดังกล่าวทนายโจทก์ทั้งสองติดว่าความในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ป.792/2539 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ จึงมิใช่กรณีที่โจทก์ทั้งสองทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201นั้น เห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่25 ตุลาคม 2539 ซึ่งอยู่ในสำนวนอันดับที่ 39 ระบุว่าในวันดังกล่าวเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายโจทก์ทั้งสองและทนายจำเลยที่ 2มาศาล ทนายโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าผู้แทนโจทก์ทั้งสองติดธุระจำเป็นไม่อาจมาศาลได้ ซึ่งทนายจำเลยที่ 2รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 16 ธันวาคม 2539 เวลา 9 นาฬิกาตามวันว่างตรงกัน และทนายโจทก์ทั้งสองลงลายมือชื่อรับทราบรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้วแสดงว่าทนายโจทก์ทั้งสองตรวจสอบวันที่ตนเองจะมาดำเนินคดีที่ศาลชั้นต้นแล้วเห็นว่าวันที่ 16 ธันวาคม 2539 เป็นวันที่ทนายโจทก์ทั้งสองว่างจากงานอื่น ๆ และเป็นวันว่างที่ตรงกับวันที่ทนายจำเลยที่ 2 และศาลชั้นต้นว่างด้วย จึงแสดงความจำนงให้ศาลชั้นต้นกำหนดเอาวันดังกล่าวเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ ทั้งมีการลงลายมือชื่อรับทราบกำหนดวันนัดไว้เป็นหลักฐานด้วย เป็นกรณีที่ทนายโจทก์ทั้งสองรับทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ที่ทนายโจทก์ทั้งสองมีส่วนร่วมในการกำหนดโดยชอบแล้ว เมื่อโจทก์ทั้งสองรวมทั้งทนายโจทก์ทั้งสองไม่มาศาลตามกำหนดนัดจึงเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองขาดนัดพิจารณา ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 201 วรรคหนึ่ง บัญญัติบังคับให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 16 ธันวาคม 2539 ให้จำหน่ายคดีของโจทก์ทั้งสองออกจากสารบบความจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ที่โจทก์ทั้งสองยกเอากรณีที่ทนายโจทก์ทั้งสองจดวันนัดผิดพลาด และในวันนัดดังกล่าวทนายโจทก์ทั้งสองติดว่าความที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ขึ้นอ้างว่ามิใช่กรณีที่โจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลตามมาตรา 201จึงเป็นข้ออ้างที่ปราศจากเหตุผลให้รับฟังไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้น
พิพากษายืน

Share