แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เกวียนและโคที่จำเลยให้เป็นพาหนะบรรทุกไม้แปรรูปที่ผิดกฎหมายไปเพื่อจำหน่ายและเจ้าพนักงานจับได้ในระหว่างทางพร้อมด้วยไม้ของกลางนั้น เห็นได้ว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและโคเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74 ทวิ.
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพฟังได้ว่า จำเลยได้บังอาจมีไม้ดึงแปรรูปซึ่งเป็นไม้หวงห้าม จำนวน ๕๖ แผ่นไว้ในความครอบครอง และจำเลยได้ใช้โค ๒ ตัว เกวียน ๑ เล่ม บรรทุกไม้แปรรูปไปเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจังได้ขณะที่จำเบยใช้โคและเกวียนบรรทุกไม้ไปในระหว่างทาง ขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๔๘,๗๓,๗๔พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๗ ให้ปรับ ๓๐๐ บาท จำเลยรับสารภาพโดยดี ลดให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ ๑๕๐ บาท ส่วนเกวียนและโคไม่ใช่อุปกรณ์การกระทำผิดฐานมีไม้แปรรูป คืนให้เจ้าของไป
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบเกวียนและโคของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ริบเกวียนและโคของกลางเสียด้วย
แต่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งทำความเห็นแย้ง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยในคดีนี้จะมีความผิดฐานม่ไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตก็ดี แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและโคของกลางบรรทุกไม้ดังกล่าวไปเพื่อจำหน่าย เจ้าพนักงานจับจำเลยได้ในระหว่างทางที่จำเลยใช้เกวียนและโคบรรทุกไม้ของกลางไปเช่นนี้ ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและโคเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด คือ การมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้โดยมิได้รับอนุญาตนั่นเองจึงเป็นสิ่งที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๗๔ ทวิ ตามความเห็นแย้งของผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.