แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
วันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก ทนายจำเลยป่วยขอเลื่อน ศาลอนุญาตและมีคำสั่งกำชับให้ทนายจำเลยขอหมายเรียกพยานมาให้พร้อม ในวันสืบพยานนัดถัดมา จำเลยคงมีตัวจำเลยมาเบิกความปากเดียวเท่านั้น โดยมิได้นำหรือขอหมายเรียกพยานบุคคลอื่นของจำเลยมาศาลแม้แต่คนเดียว แล้วขอเลื่อนคดีอีกอ้างเหตุว่าพยานคนหนึ่งป่วย ดังนี้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่นำพาที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ส่อเจตนาที่จะประวิงคดี ศาลไม่ให้เลื่อนคดีและงดสืบพยาน
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารในที่ดินพิพาทและส่งมอบที่ดินคืนให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย และให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 300 บาท จนกว่าจะส่งมอบที่ดินคืน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายสรุปได้ว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไม่ให้จำเลยสืบพยานจำเลยในวันที่ 7 เมษายน 2523 นั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิเคราะห์แล้วเห็นว่าศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกในวันที่ 5 มีนาคม 2523 ทนายจำเลยป่วย ได้ขอเลื่อนคดีโดยเลื่อนไปนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 7 เมษายน 2523 และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งกำชับให้ทนายจำเลยขอหมายเรียกพยานมาศาลให้พร้อม ครั้นวันที่ 7 เมษายน 2523 จำเลยมิได้นำหรือขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานบุคคลของจำเลยมาศาลแม้แต่คนเดียว คงมีแต่ตัวจำเลยเบิกความต่อศาลเท่านั้น แล้วขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุว่าพยานจำเลยที่จะสืบในวันนั้น คือ นายวรกิจ พิภพกุล ป่วยไม่มาศาล ส่วนพยานบุคคลอื่นเป็นพยานที่ต้องขอหมายเรียกและประเด็น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้นำพาที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ส่อเจตนาของจำเลยที่จะประวิงคดี เมื่อนายวรกิจพยานจำเลยป่วย จำเลยก็ควรที่จะขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พยานประเด็นมาศาลเพื่อที่จะสืบเสียในวันนั้นได้อีกมากกว่าหนึ่งปาก เมื่อจำเลยเห็นว่าหากขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานบุคคลของจำเลยมาศาลทั้งหมดในคราวเดียวกันซึ่งไม่สามารถจะสืบให้เสร็จในวันเดียวกันได้ จำเลยก็ควรจะขอหมายเรียกพยานบุคคลมาศาลแต่พอควรก็ได้ เพราะจำเลยรู้ถึงประเด็นแห่งคดีที่จะต้องสืบพยานบุคคลมากและน้อยเท่าใดได้ดีฉะนั้นที่จำเลยโต้เถียงอ้างเหตุไม่ขอหมายเรียกพยานว่าพยานบุคคลที่ถูกหมายเรียกมาศาลจะเสียเวลาและเป็นพยานสำคัญเกี่ยวกับประเด็นนั้นไม่มีเหตุผลฟังขึ้น”
พิพากษายืน