แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 และที่ 3 มาจากบ้านด้วยกันและนำเมทแอมเฟตามีนของกลางมาด้วย แม้จำเลยที่ 3 จะมิได้ร่วมเจรจาในการซื้อขายกับสายลับและผู้ล่อซื้อ แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 และได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่ผู้ล่อซื้อ ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำตาม ป.อ. มาตรา 83
จำเลยที่ 3 ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางแก่เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้ตรวจสอบดูก่อน อันเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาตกลงซื้อขาย หาใช่เป็นการส่งมอบให้อันเนื่องมาจากการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางเสร็จสิ้นแล้วไม่ ทั้งเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยทั้งสามยังมิได้กำหนดจำนวนและราคาของเมทแอมเฟตามีนที่ตกลงซื้อขายกันให้เป็นที่แน่นอน การซื้อขายยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ จำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖, ๖๗, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๘๓, ๙๑ ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง (ที่ถูก มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่งและวรรคสอง), ๖๖ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง (ที่ถูก มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่งและวรรคสอง), ๖๖ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๐
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ เจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมจำเลยทั้งสามกับยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑๐,๐๐๐ เม็ด น้ำหนัก ๘๓๗.๙๓๐ กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ ได้ ๑๘๐.๗๓๓ กรัม ไว้เป็นของกลาง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๓ ว่า จำเลยที่ ๓ ร่วมกระทำตามฟ้องหรือไม่
เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ ๓ เป็นการร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ซึ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ ๑๘๐.๗๓๓ กรัม อันมีปริมาณตั้งแต่ ๒๐ กรัม ขึ้นไป ถือได้ว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง และในวันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ มาด้วยกันจากบ้านและนำเมทแอมเฟตามีนของกลางมาด้วย แม้จำเลยที่ ๓ จะมิได้ร่วมเจรจาในการซื้อขายกับสายลับและผู้ซื้อ ก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ ๓ ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ ๑ และได้กระทำการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางอันเป็นส่วนหนึ่งในการติดต่อเจรจาเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ล่อซื้อจึงถือได้ว่าจำเลยที่ ๓ ร่วมกับจำเลยที่ ๑ กระทำความผิดเข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยที่ ๓ ส่งมอบ เมทแอมเฟตามีนของกลางแก่เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้ตรวจสอบดูก่อน อันเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาตกลงซื้อขาย หาใช่เป็นการส่งมอบสิ่งของอันเนื่องมาจากการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางเสร็จสิ้นแล้วแต่อย่างใดไม่ ทั้งเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยทั้งสามก็ยังมิได้กำหนดจำนวนราคาของเมทแอมเฟตามีนที่จะตกลงซื้อขายกันเป็นที่แน่นอน การซื้อขายจึงยังไม่สำเร็จสมบูรณ์ จำเลยที่ ๓ คงมีความผิดเพียงพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ ๓ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน