คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขับเรือยนต์โดยประมาทชนเรือที่โจทก์โดยสารมาล่มลง โจทก์ถูกเรือจำเลยชนกระดูกซี่โครงซี่ต้นหัก และกระดูกยังไม่งอกติดกัน แขนซ้ายก็ยังยกสิ่งของและทำงานไม่ได้ตามปกติที่เคยทำ เพราะเวลายกสิ่งของก็มีอาการเสียวและเจ็บปวดที่หน้าอกและทำงานหนักไม่ได้ แพทย์ผู้รักษาว่าไม่แน่ว่าจะหาย ถือได้ว่าโจทก์เสียความสามารถประกอบการงานตามปกติไป โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยผู้กระทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และ 446 ได้
การพิจารณาให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเท่าใด เพียงไรนั้น เป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้ เมื่อศาลเห็นว่าโจทก์ชนะคดีเกือบเต็มฟ้อง จึงพิจารณาให้จำเลยใช้ค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เต็มตามฟ้องย่อมเป็นการสมควร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับเรือยนต์โดยประมาทชนเรือที่โจทก์โดยสารมาล่มลง เป็นเหตุให้โจทก์ที่ ๑ ได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนเสียใช้การไม่ได้ไปตลอดชีวิต โจทก์ที่ ๒ บาดเจ็บไม่ถึงสาหัสขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
จำเลยต่อสู้ว่า เรือยนต์จำเลยกับเรือยนต์ของนายฟื้นที่โจทก์โดยสารมาชนกันเพราะความประมาทของนายฟื้น โจทก์ควรไปฟ้องเรียกเอาจากนายฟื้น การรักษาพยาบาลก็ไม่มาก แขนโจทก์ยังใช้ได้ ทรัพย์สินโจทก์ไม่หาย ความเสียหายของโจทก์มีเพียงเล็กน้อย จำเลยไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์ทั้งสองได้รับบาดเจ็บจริงดังฟ้อง แต่โจทก์มีหลักฐานค่ารักษาพยาบาลมาไม่ครบ และทรัพย์สินสูญหายไปเพียงบางอย่าง จึงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามที่ศาลกำหนดให้
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ที่ ๑ ถูกเรือยนต์จำเลยชนจนกระดูกซี่โครงซี่ต้นหักและกระดูกยังไม่งอกติดกัน แขนซ้ายก็ยังยกสิ่งของและทำงานไม่ได้ตามปกติที่เคยทำ เพราะเวลายกสิ่งของก็มีอาการเสียวและเจ็บปวดที่หน้าอก และทำงานหนักไม่ได้ แพทย์ผู้รักษาก็ว่าไม่แน่ว่าจะหาย ถือได้ว่าโจทก์เสียความสามารถประกอบการงานตามปกติไป โจทก์ที่ ๑ ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเอาจากจำเลยผู้กระทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๔ และ ๔๔๖ ได้ ในเรื่องค่ารักษาพยาบาลโจทก์นำสืบฟังได้ จำเลยไม่มีหลักฐานอะไรมาแสดงเพื่อหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ เชื่อว่าโจทก์ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลไปจริง แต่ที่ศาลชั้นต้นกำหนดค่ารักษาให้โจทก์ โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา นับว่าเป็นผลดีแก่จำเลยแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลง และเชื่อว่าทรัพย์สินของโจทก์ได้สูญหายไปจริงตามที่ศาลล่างวินิจฉัย ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมนั้น การจะพิจารณาให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เท่าใด เพียงไรนั้นเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้ โจทก์ชนะคดีเกือบเต็มฟ้อง ศาลล่างจึงพิจารณาให้จำเลยใช้ค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เต็มตามฟ้องนั้น เป็นการสมควรแล้ว
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย.

Share